Saturday, February 26, 2011

Why is the .45 ACP so popular?

Why is the .45 ACP so popular?



การที่ปืนสั้นกึ่งอัตโนมัติรุ่น 1911 ได้รับความนิยมและอยู่ยืนยาวมาได้ถึงร้อยปี ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะคุณสมบัติที่ดีเยี่ยมของกระสุนขนาด .45 นิ้วที่ใช้กับมันก็ได้


ถึงแม้ว่าปืนรุ่น 1911 นั้นได้ฉลองครบรอบ 100 ปีในปีนี้ แต่กระสุนขนาด .45 นิ้วนั้นมีประวัติที่ยาวนานกว่าปืนเสียอีก โดยกระสุน .45 ACP (Automatic Colt Pistol) นั้นออกแบบในปี ค.ศ. 1903 และเริ่มสายการผลิตออกสู่ท้องตลาดในปี ค.ศ. 1904 โดยทาง Colt ได้มีการปรับปรุงกระสุน .45 automatic ในปี ค.ศ. 1905 และนำออกจำหน่ายในปี ค.ศ. 1906


ส่วนกระสุนขนาด .45 นิ้วของ Colt ซึ่งใช้กับปืนลูกโม่นั้น สามารถนับถอยกลับไปได้ไกลถึงช่วง ค.ศ. 1873 ทีเดียว ได้มีวิวัฒนาการอย่างต่อเนื่องและสร้างประศาสตร์ของตัวเองมาตลอด


ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 1 กระสุนขนาด .45 นิ้ว ได้พิสูจน์ตัวเองถึงประสิทธิภาพที่โดดเด่นในสงครามยุโรป และมีชื่อเสียงเลื่องลือในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2


กระสุนขนาด .45 ACP สมัยใหม่ซึ่งมีแรงดันในปลอกกระสุนน้อย (Low pressure cartridge) ทำให้การยิงปืนด้วยกระสุนขนาดนี้มีแรงถีบ (Recoil) ไม่รุนแรงมากนักและสามารถควบคุมปืนได้อย่างไม่ยากเย็น


เมื่อปีที่แล้วตำรวจทางหลวงรัฐฟลอริด้าเป็นหน่วยงานที่ห้าซึ่งหันมาใช้กระสุน .45 GAP (Glock Automatic Pistol) ปลอกกระสุนสั้นกว่า .45 ACP เล็กน้อยแต่สร้างแรงดันในปลอกกระสุนมากกว่า (High pressure cartridge) ใช้กับปืน Glock 37 พวกเขาบอกว่าแรงถีบของกระสุนนี้ควบคุมได้ง่ายกว่ากระสุน .40 S&W ซึ่งยิงจากปืน Beretta เสียอีก (ปืนประจำการใหม่ของตำรวจหลายท้องที่ในปัจจุบันนี้)


ตำรวจในปัจจุบันนี้ก็ยังคงเชื่อถือในกระสุนขนาด .45 นิ้ว จะเห็นได้ว่ากระสุน .45 ACP ยังใช้งานกันอยู่ในกรมตำรวจชิคาโก้, ลอสแองเจลรีส, นายอำเภอประจำลอสแองเจลรีส, FBI, DEA และอีกมาก อาทิเช่น หน่วย LAPD SWAT, FBI SWAT, Hostage Rescue ต่างก็ใช้กระสุนชนิดนี้


กระสุน .45 นิ้วนี้มีความหลากหลายให้เลือกใช้มาก มีตั้งแต่หัวกระสุนขนาด 165 เกรน จนถึง 230 เกรน หัวกระสุนขนาด 185 เกรน เป็นที่นิยมอย่างมากในกลุ่มนักยิงปืนแข่งขันยิงเป้าวงกลมดำ หัวกระสุนขนาด 200 เกรน ซึ่งออกแบบโดยนาย John Browning ก็ยังคงได้รับความนิยมอยู่


หัวกระสุนแบบ Spear hollowpoint ได้รับการพิสูจน์แล้วว่าเป็น Man-stopper และกระสุน H&G No. 68 Semi-wadcutter ยังได้รับความนิยมอย่างมากในกลุ่มยิงปืนสมัครเล่นซึ่งทำกระสุนเองด้วยมือ (ในอเมริกาประชาชนสามารถขออนุญาติรัฐในการทำกระสุนปืนเอาไว้ใช้เองได้ ส่วนใหญ่เพื่อการกีฬา)


หัวกระสุนขนาด 230 เกรน ปัจจุบันถือเป็นมาตรฐานมีการออกแบบหัวกระสุน Hollowpoint ให้สามารถบานออกได้เมื่อกระทบเป้าหมายจนมีเส้นผ่านศูนย์กลางยาวถึง 1 นิ้วได้ทีเดียว


มีปืนหลายชนิดที่ออกแบบมาให้ใช้กับกระสุน .45 ACP ทั้งปืนขนาดเล็กมากๆ ปืนลูกโม้ ปืนสั้นกึ่งอัตโนมัติในทุกขนาด โดยเฉพาะปืนรุ่น 1911 นั้นเพรียวบางเหมาะกับการพกซ่อนหรือพกใช้งานทั่วไป โครงปืนโพลิเมอร์เริ่มมีใช้กันตั้งแต่ ค.ศ. 1917


จะเห็นได้ว่ากระสุนขนาด .45 นิ้วนั้นได้สร้างเส้นทางประวัติศาสตร์ของตนเองมาอย่างยาวนาน และยังคงเป็นกระสุนที่ได้รับความนิยมและน่าเชื่อถือมาตลอด


สุดท้ายนี้ทุกครั้งที่จับปืนขอให้มี “สติ”


เรียบเรียงโดย Batman
อ้างอิงเนื้อหาบางส่วนจากบทความเรื่อง Why we appreciate .45s. It’s not just because of the 1911 ของ Massad Ayoob

Thursday, February 17, 2011

Important Movement in Shooting

Important Movement in Shooting



นาย Clint Smith ได้ให้ข้อคิดเห็นที่น่าสนใจเกี่ยวกับการเคลื่อนที่ที่เหมาะสมขณะใช้อาวุธปืน


เขาได้มีโอกาสเห็นการฝึกของเจ้าหน้าที่ตำรวจครั้งหนึ่งในสนามยิงปืน ซึ่งเจ้าหน้าที่มีการเคลื่อนที่ออกมาจากที่กำบังเพื่อบรรจุกระสุน หรือเคลื่อนที่เข้ามาคุ้มกันเพื่อนซึ่งกำลังนั่งคุกเข่าบรรจุกระสุนใหม่ (Reload) ในสถานการณ์จริงพวกเขาคงเป็นเป้าหมายขนาดใหญ่ให้คนร้ายเลือกยิงได้อย่างสบาย


หากคุณมีที่กำบังหรือที่หลบซ่อนที่ดีอยู่แล้วก็จงใช้สิ่งนั้นให้เป็นประโยชน์ ยกเว้นว่าเรากำลังหาที่กำบังที่ดีกว่าและต้องการเคลื่อนที่ไปที่นั้น การยิงคุ้มกันหรือบรรจุกระสุนนั้นสามารถทำหลังที่กำบังได้ไม่จำเป็นต้องเอาตัวเราออกไปรับความเสี่ยงด้วย


การเคลื่อนที่ไปด้านข้างเป็นสิ่งสำคัญ ซึ่งมี 2 รูปแบบ คือ ก้าวยาว เหมาะสำหรับการเคลื่อนที่ในพื้นที่กว้างๆ เช่น ลานจอดรถ กับ ก้าวสั้น ใช้ในการเคลื่อนที่ในพื้นที่จำกัด เท้าแรกที่ก้าวออกไปด้านข้างให้ได้ระยะที่ต้องการ (เป็นเท้าข้างที่อยู่ใกล้กับทิศทางที่เราจะก้าวไป เช่น เคลื่อนที่ไปด้านขวาก็ก้าวเท้าขวาก่อน เป็นต้น) ส่วนเท้าที่ก้าวตามหลังให้ได้ระยะซึ่งทำให้ท่ายืนยังมีความมั่นคง หลีกเลี่ยงการไขว้ขาหรือเท้าทั้งสองข้างเข้ามาชิดกันเกินไปทำให้ขาดความมั่นคง


การเคลื่อนที่ไปข้างหน้านั้นให้เดินไปตามปกติแต่ด้วยความระมัดระวัง หลีกเลี่ยงการย่อตัวต่ำมากๆ เพราะในขณะที่ตื่นเต้นอาจมีการเกร็งตัวของกล้ามเนื้อมัดใหญ่ เช่น ต้นขา ซึ่งอาจทำให้การเคลื่อนที่หรือเคลื่อนไหวทำได้ไม่ดีนัก


การเคลื่อนที่ถอยหลังเป็นสิ่งที่สำคัญและใช้มาก เพราะเป็นการสร้างระยะห่างมากขึ้นระหว่างตัวเรากับภัยคุกคาม ทำให้มีเวลาคิดและตัดสินใจตอบสนองต่อสถานการณ์ได้มากขึ้น เวลาถอยหลังหลีกเลี่ยงการหันหลังให้กับภัยคุกคามถึงแม้ว่าคุณจะอยู่ห่างจากคนร้ายก็ตาม เพราะในขณะที่หันหลังให้นั้นคุณจะสูญเสียความสามารถในการใช้อาวุธต่อภัยคุกคามและมองไม่เห็นภัยคุกคามด้วย ในหลายกรณีการใช้อาวุธปืนเริ่มเมื่อฝ่ายหนึ่งหันหลังให้ มีลูกศิษย์ของเขาหลายคนกลับมาบอกว่า ทักษะนี้ช่วยชีวิตพวกเขาไว้หลายครั้ง


การเคลื่อนที่ยิง (Shooting on the move) ให้ยิงทันทีที่สายตาเราจับเป้าหมายได้ ไม่จำเป็นจะต้องยิงเฉพาะเวลาที่เท้าสัมผัสหรือไม่สัมผัสพื้น ฝึกให้เหมือนกับว่าครึ่งบนของร่างกายเป็นป้อมปืนซึ่งคอยสอดสายหาและทำลายเป้าหมาย ส่วนครึ่งล่างของร่างกายคล้ายกับรถถังที่สามรถเคลื่อนที่ไปได้ทุกสภาพถนน เป็นทักษะหนึ่งซึ่งต้องการการฝึกฝนอย่างมากเพื่อให้สามารถทำได้ดี


การฝึกเคลื่อนที่เช่นนี้อาจทำไม่ได้ในสนามยิงปืนส่วนใหญ่ซึ่งไม่อนุญาตให้ลงไปในสนามได้ ดังนั้นการฝึกที่บ้านด้วยปืนปลอมจึงเป็นทางเลือกที่ดีเช่นกัน


การเคลื่อนที่ (Moving) นี้เป็นเพียงหนึ่งในสามของพื้นฐานการต่อสู้ (Triad of Combat) ส่วนอีกสองปัจจัยนั้นก็คือ การสื่อสาร (Communication) และ ทักษะการยิงปืน (Shooting) การผสมผสานปัจจัยทั้งสามอย่างลงตัวหรือเกิดความผิดพลาดในปัจจัยดังกล่าวจะส่งผลต่อความสำเร็จหรือล้มเหลวในการต่อสู้


TAS สอนการเคลื่อนที่เข้าหาและถอยห่างออกจากเป้าหมายอย่างถูกต้อง


สุดท้ายนี้ทุกครั้งที่จับปืนขอให้มี “สติ”


เรียบเรียงโดย Batman
อ้างอิงเนื้อหาบางส่วนจากบทความเรื่อง Shoot? Move? ของ Clint Smith

Friday, February 11, 2011

Dozier Drill

Dozier Drill



นาย Jeff Cooper ได้คิดรูปแบบการฝึกยิงปืนอีกหนึ่งรูปแบบซึ่งมีประโยชน์มาก นั้นก็คือ Dozier Drill โดยได้แรงบันดาลใจจากเหตุการณ์จริงครั้งเมื่อนายพลจัตวา James L. Dozier แห่งกองทัพบกสหรัฐถูกลักพาตัวโดยผู้ก่อการร้ายชาวอิตาลี (Italian Red Brigade) ในปี ค.ศ. 1981 คนร้ายปลอมตัวเป็นช่างประปาเข้ามาในอพาต์เมนต์ซึ่งนายพล Dozier พักอยู่ มีคนร้ายทั้งหมดแปดคนแต่มีสี่หรือห้าคนที่บุกเข้ามาจับตัวนายพลท่านนี้ คนหนึ่งมีปืนกลมืออยู่ในประเป๋าเครื่องมือของเขา เมื่อพวกเขาเข้ามาในห้องของนายพลได้ คนร้ายคนหนึ่งหยิบปืนกลในถุงเครื่องมือออกมาพร้อมกับบรรจุซองกระสุนเข้าไปในตัวปืน ในขณะที่ผู้ก่อการร้ายคนอื่นอ่านแถลงการณ์ให้นายพล Dozier ฟัง


ขณะนั้นกฏหมายอิตาลีไม่อนุญาตให้เจ้าหน้าที่ทหารสหรัฐมีอาวุธปืนไว้ในที่พักไม่ว่าจะอยู่ในหรือนอกฐานทัพสหรัฐ ดังนั้นนายพล Dozier จึงไม่มีเขี้ยวเล็บที่จะป้องกันตัวเองเลย


เพื่อที่จะสามารถตอบสนองต่อสถานการณ์เช่นนี้ นาย Jeff Cooper จึงคิดรูปแบบการฝึกซึ่งจำลองเหตุการณ์นี้ เรียกว่า Dozier Drill


ใช้เป้าซึ่งเป็นแผ่นเหล็กลักษณะคล้ายคนเมื่อยิงถูกเป้าจะล้มได้ (Peppers Poppers) ทั้งหมด 5 เป้า (แทนผู้ก่อการร้ายทั้งห้าคนซึ่งบุกเข้ามาลักพาตัวนายพล Dozier) วางเป้าห่างจากนักยิงปืน 10 หลา โดยจะมีอีกคนหนึ่งยืนอยู่ข้างๆนักยิงปืนซึ่งผู้ช่วยคนนี้จะมีปืนและซองกระสุนอยู่ในถุงเครื่องมือ (แทนคนร้ายคนหนึ่งซึ่งมีปืนกลเบาอยู่ในถุงเครื่องมือ) เขามีหน้าที่หยิบปืนและนำซองกระสุนมาบรรจุในตัวปืนแล้วขึ้นลำเพื่อพร้อมใช้งานให้เร็วที่สุด ในขณะเดียวกันนักยิงปืนซึ่งมีกระสุนอย่างน้อย 5 นัดจะต้องทำการยิงเป้าหมายทั้งห้าให้ได้ก่อนที่ปืนของผู้ช่วยจะพร้อมใช้งาน (เปรียบเสมือนเราต้องยิงคนร้ายทั้งห้าคนให้ได้ก่อนที่ปืนกลเบาของผู้ก่อการร้ายจะพร้อมใช้งาน) ดังนั้นเมื่อได้ยินสัญญาณเสียงดังขึ้นให้นักยิงปืนยิงเป้าหมายให้เร็วที่สุดก่อนที่ผู้ช่วยอีกคนจะประกอบปืนเสร็จ หากยิงได้ภายในเวลา 3 วินาทีถือว่าดี 4 วินาทีถือว่าก่ำกึ่งมาก


สำหรับการแข่งขันยิงปืนอาจมีการปรับรูปแบบไปบ้าง เช่น ใช้การจับเวลาในการยิงและคำนวณคะแนนตามเวลาและจำนวนนัดที่ยิงถูกหรือพลาดเป้าหมาย อีกทั้งระยะห่างของเป้าอาจแตกต่างไปได้บ้าง นอกจากนั้น Dozier Drill นี้สามารถใช้ฝึกกับปืนสั้นหรือปืนยาว เช่น ปืนลูกซองได้ด้วย


จะเห็นได้ว่าการฝึกยิงปืนระบบต่อสู้นั้น เป้าหมายจะอยู่ในระยะใกล้ทั้งสิ้น ดังนั้นการตอบสนองต่อสถานการณ์ต้องรวดเร็วและแม่นยำ การฝึกฝนบ่อยๆเป็นหนทางเดียวที่จะเพิ่มทักษะการยิงปืนให้ดีขึ้นได้

สุดท้ายนี้ทุกครั้งที่จับปืนขอให้มี "สติ"

เรียบเรียงโดย Batman
อ้างอิงเนื้อหาบางส่วนจากบทความเรื่อง Modern Technique of the Pistol ของ Wikipedia, CCW Handgun Drills (Part2)

Thursday, February 3, 2011

Newest FBI Study 2

Newest FBI Study 2



จากการศึกษาของ FBI ในรายงานชื่อ Violent Encounters นี้เป็นการศึกษาครั้งที่ 3 ซึ่งมีการวิเคราะห์อย่างเป็นระบบ


การศึกษาแรกตีพิมพ์ในปี ค.ศ. 1992 ชื่อ Killed in the Line of Duty ซึ่งเริ่มต้นขึ้นจากกรมตำรวจเล็กๆใกล้สำนักงานใหญ่ FBI เป็นการวิเคราะห์การเสียชีวิตของเจ้าหน้าที่ตำรวจขณะปฏิบัติหน้าที่ ซึ่งการศึกษานี้ได้รับการตอบรับอย่างมากจากเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน ทั้งการให้ข้อมูลเพิ่มเติม วิเคราะห์ วิจารณ์ และนำไปสู่การเปลี่ยนแปลงรูปแบบการฝึกเจ้าหน้าที่ตำรวจ


การศึกษาครั้งที่ 2 ตีพิมพ์ในปี ค.ศ. 1997 ชื่อ In the Line of Fire เป็นการศึกษาเชิงลึกถึงเหตุการณ์การปะทะกันระหว่างคนร้ายและเจ้าหน้าที่ตำรวจโดยมีการเสียชีวิตของเจ้าหน้าที่เกิดขึ้น โดยไม่เพียงแต่ใช้ข้อมูลจากคนร้ายเท่านั้น ยังนำมุมมองและข้อคิดเห็นของเจ้าหน้าที่ตำรวจซึ่งอยู่ในเหตุการณ์มาวิเคราะห์ด้วย เป็นอีกครั้งหนึ่งซึ่งได้รับการตอบรับอย่างดีและได้ข้อคิดเห็น ข้อเสนอแนะมากมายจนนำไปสู่การศึกษาครั้งที่ 3 นี้


การศึกษานี้เป็นการศึกษาเชิงลึกไม่เพียงวิเคราะห์กระบวนการของเหตุการณ์ แต่ยังวิเคราะห์สภาพจิตใจ อารมณ์ของทั้งคนร้ายและเจ้าหน้าที่ตำรวจทั้งก่อน ระหว่าง และหลังเกิดเหตุการณ์


หลัก AIM ถูกสอนให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อยึดถือปฏิบัติในการเผชิญเหตุการณ์ร้ายแรงซึ่งอาจเป็นอันตรายถึงชีวิตเพื่อลดโอกาสสูญเสียชีวิตของเจ้าหน้าที่ตำรวจ โดย AIM เป็นตัวย่อ หมายถึง


ความตระหนักรู้ ระแวดระวังภัย (Awareness): เจ้าหน้าที่ตำรวจมากกว่า 50,000 นายในสหรัฐถูกทำร้ายทุกปี จึงควรตระหนักว่าการถูกทำร้ายในขณะปฏิบัติหน้าที่นั้นสามารถเกิดได้กับเจ้าหน้าที่ทุกคนรวมทั้งตัวเราด้วย ควรตระหนักรู้ระมัดระวังไม่ว่าคนร้ายจะเป็นใครก็ตามทั้งผู้หญิง เด็ก คนชรา สูง เตี้ย ผอมหรืออ้วน ทุกคนสามารถเป็นภัยคุกคามต่อเจ้าหน้าที่ได้เสมอ อีกทั้งต้องระแวดระวังในสิ่งแวดล้อมรอบตัวด้วยซึ่งอาจทำให้เราตกอยู่ในอันตรายได้


ภาพลักษณ์ (Image): จะต้องพยายามแสดงออกถึงความเป็นมืออาชีพ การกระทำทุกอย่างต้องแสดงถึงความตื่นตัวและเตรียมพร้อมตลอดเวลา เครื่องแบบและอุปกรณ์เครื่องมือต่างๆพร้อมใช้งานได้รับการดูแลสม่ำเสมอ คงไว้ซึ่งร่างกายที่แข็งแรงแต่มีความสุภาพอ่อนโยนในการมีปฏิสัมพันธ์กับประชาชนโดยไม่ได้ลดการป้องกันตัวเองลง


จิตสำนึก (Mind-set): ต้องได้รับการฝึกฝนอย่างจริงจัง กระทำทุกอย่างตามขั้นตอนไม่ละเลยความปลอดภัย คอยกำลังเสริมถ้าเป็นไปได้ ใช้เครื่องไม้เครื่องมือและยุทธวิธีที่ถูกต้องเหมาะสมกับสถานการณ์ หากจำเป็นต้องปกป้องชีวิตตนเองหรือผู้ร่วมงานด้วยการใช้กำลังก็ต้องทำอย่างไม่ลังเล เป็นการเตรียมทั้งร่างกายและจิตใจในการต่อสู้เพื่อเอาชีวิตรอด


การยึดถือและปฏิบัติตามหลัก AIM เป็นสิ่งสำคัญซึ่งจะทำให้การทำงานของเจ้าหน้าที่ตำรวจมีความปลอดภัยมากขึ้น


สุดท้ายนี้ทุกครั้งที่จับปืนขอให้มี “สติ”


เรียบเรียงโดย Batman
อ้างอิงเนื้อหาบางส่วนจาก Violent Encounters บทที่ 7 Procedures and Training

Newcastle limousines