Shoot Hollywood
การยิงปืนแบบในภาพยนตร์บู๊ล้างผลาญของฮอลลีวูดนั้นอาจทำให้เกิดความเข้าใจผิดได้หลายประการ คนส่วนใหญ่จะถนัดมือขวาและตาขวาเป็นตาหลักในการมองเห็น (Right-handed, right eye-dominant) คนส่วนน้อยถนัดมือซ้ายและมีตาซ้ายเป็นตาหลัก (มือถนัดข้างใดมักมีตาข้างเดียวกันเป็นตาหลัก) และมีคนเพียงเล็กน้อยที่มือและตาข้างถนัดเป็นคนละข้างกัน (Cross-eye dominant)
ในการยิงปืนโดยปกติจะถือปืนด้วยมือข้างถนัดและเล็งยิงด้วยตาหลักซึ่งมักเป็นข้างเดียวกับมือข้างถนัด แม้คนซึ่งมือและตาข้างถนัดเป็นคนละข้างกันก็สามารถฝึกให้ใช้ตาข้างเดียวกับที่ถือปืนทำการเล็งได้
ในภาพยนตร์นักแสดงมักต้องดูดีในท่าทางการยิงปืน ผู้กำกับเป็นบุคคลหนึ่งซึ่งมีอิทธิพลต่อมุมกล้องและการจัดท่าทางของนักแสดงเพื่อให้ออกมาดีบนแผ่นฟิล์ม เราจึงมักเห็นนักแสดงจำนวนไม่น้อยที่ถนัดมือขวาแต่กลับใช้ตาซ้ายเล็งปืน ที่เป็นเช่นนี้เพราะในปัจจุบันนิยมถือปืนด้วยสองมือหากเล็งปืนด้วยตาข้างเดียวกับมือข้างถนัด ใบหน้าจะถูกบดบังไปบางส่วน แต่หากเล็งด้วยตาข้างไม่ถนัดจะทำให้เห็นใบหน้าของนักแสดงได้อย่างชัดเจนจึงดูดีในภาพยนตร์
นอกจากนั้นก็มีบางสิ่งที่ไม่ควรเรียนรู้จากภาพยนตร์
- หาตาข้างถนัดของคุณเองและใช้มันในการเล็งปืน ไม่ควรเอียงหน้าเพื่อเล็งปืนด้วยตาข้างตรงข้ามกับมือข้างที่ถือปืน
- ศูนย์ปืนอยู่ด้านบนของปืนจึงควรใช้งานในลักษณะนี้ ไม่ควรเอียงปืนเล็งมากเกินไป
- ปืนสำรองใช้ในกรณีที่ปืนหลักไม่สามารถใช้ต่อได้ ไม่ควรถือปืนสองมือแล้วทำการยิงพร้อมกันเหมือนในภาพยนตร์ เพราะจะยิงไม่ถูกเป้าหมายอะไรเลยและลดโอกาสรอดชีวิตของคุณเอง
- กระสุนปืนไม่ว่าจะขนาดใดไม่สามารถยิงคนร้าย วัตถุ ให้กระเด็นไปในทิศทางตรงข้ามได้
- การยิงปืนขณะกระโดดลอยตัวอยู่กลางอากาศนั้นจะใช้ในภาพยนตร์เท่านั้น เพราะในความเป็นจริงการกระโดดนั้นใช้เวลาเพียงชั่วอึดใจเท่านั้นมันเร็วเกินกว่าที่จะทำการเล็งและยิงปืนได้อย่างแม่นยำ อีกทั้งในภาพยนตร์นั้นนักแสดงแทน (Stunt) จะทำการกระโดดลงบนเบาะและทำซ้ำหลายๆครั้งจนกว่าผู้กำกับจะได้ภาพที่ดีที่สุด หากเราทำตามในหนังนอกจากยิงไม่ถูกเป้าหมายแล้วยังบาดเจ็บจากการกระแทกพื้นอีกด้วย
- รถยนตร์จะไม่มีทางระเบิดเป็นลูกไฟดวงโตได้โดยการถูกยิงด้วยกระสุนปืนธรรมดา
- การตรวจค้นบ้าน (House clearing) ควรทิ้งไว้ให้เป็นหน้าที่ของมืออาชีพ เพราะพวกเขาจะทำงานเป็นทีม มีเครื่องมือและการฝึกฝนมาอย่างดี
- เสื้อผ้าที่ตัวละครสวมใส่เพื่อปิดบังปืนนั้น ในความเป็นจริงไม่มีทางที่จะปกปิดได้อย่างแนบเนียนจนจับผิดไม่ได้ นอกจากนั้นปืนที่ใช้ในการพกนั้นมักเป็นปืนยางซึ่งมีลักษณะเหมือนปืนจริง เนื่องจากปืนจริงมีราคาแพงและแข็งหากนำมาพกซ่อนเป็นเวลานานอาจเกิดรอยช้ำที่ผิวหนังของนักแสดงได้ซึ่งปืนยางจะให้ความนุ่มนวลมากกว่า
ภาพยนตร์บู๊ล้างผลาญในฮอลลีวูดให้ดูเพื่อความสนุก แต่อย่าไปลอกเลียนแบบโดยไม่คิดไตร่ตรองให้ดีก่อน
TAS สอนการยิงปืนระบบต่อสู้เพื่อป้องกันชีวิตและทรัพย์สินในรูปแบบซึ่งนำไปใช้งานได้จริง
สุดท้ายนี้ทุกครั้งที่จับปืนขอให้มี “สติ”
เรียบเรียงโดย Batman
อ้างอิงเนื้อหาบางส่วนจากบทความเรื่อง Movie Gun Handling Mistakes ของ Patrick Sweeney
El Presidente
มีรูปแบบการฝึกยิงปืนหลายเป้าหมายรูปแบบหนึ่งซึ่งมีประโยชน์มาก เรียกว่า El Presidente drill ซึ่งคิดขึ้นโดยบิดาแห่งการยิงปืนสั้นสมัยใหม่ Jeff Cooper ในปี ค.ศ. 1970s ได้ตีพิมพ์ลงในนิตยสาร American Handgunner ประจำเดือน มกราคม/กุมภาพันธ์ ค.ศ. 1979
El Presidente ได้รับความนิยมมากจนถือว่าเป็นมาตรฐานหนึ่งในการวัดความสามารถของนักยิงปืน เนื่องจากในการฝึกยิงปืนรูปแบบนี้ จำเป็นจะต้องใช้ทักษะหลายอย่างประกอบกัน อาทิเช่น การหยิบปืนออกจากซองปืนแล้วยกปืนขึ้นสู่ระดับสายตาเพื่อทำการยิง (Draw) การบรรจุกระสุนใหม่ (Reload) การเคลื่อนปืนไปยิงเป้าหมายต่างๆที่จัดไว้ (Good transition) และการ Follow-through ไกปืนที่ดี
El Presidente ประกอบด้วย
- ใช้เป้าหุ่นคน 3 เป้า วางห่างกันหนึ่งเมตร โดยทุกเป้าอยู่ห่างจากนักยิงปืนระยะสิบเมตร
- นักยิงปืนเริ่มจากกระสุนหกนัดในปืนซึ่งใส่อยู่ในซองปืน และมีอีกหกนัดในซองกระสุนสำรองหรือ Speedloader ในกรณีของปืนลูกโม่
- นักยิงปืนยืนหันหลังให้กับเป้าทั้งสามโดยมืออยู่ข้างหน้าหรือว่างไว้เหนือศีรษะ
- เมื่อได้ยินเสียงสัณญาณดังขึ้นให้นักยิงปืนกลับหลังหันเข้าหาเป้าหมาย ชักปืนออกจากซองทำการยิงสองนัดในแต่ละเป้า เมื่อกระสุนหมดให้บรรจุกระสุนใหม่แล้วทำการการยิงสองหรือสามนัดในเป้าที่เหลือ
การให้คะแนนก็ขึ้นกับจำนวนกระสุนที่ถูกเป้าและพลาดเป้าภายในเวลาที่กำหนด (มักให้ยิงภายใน 10 วินาที) แต่ในการแข่งขันยิงปืนบางประเภท เช่น IPSC อาจมีระบบการให้คะแนนที่มีความซับซ้อนมากขึ้น และปัจจุบันปืนซึ่งใช้ในการแข่งขันมีการแต่งปืนและใช้อุปกรณ์ที่ช่วยให้ทำการยิงได้เร็วขึ้นมากจึงอาจตั้งเวลาให้น้อยกว่านี้ก็ได้
จุดประสงค์เริ่มต้นของ Jeff Cooper นั้น ได้พัฒนาการยิงรูปแบบนี้เพื่อเพิ่มทักษะความชำนาญในการใช้อาวุธปืนของเจ้าหน้าที่ตำรวจในการเผชิญเหตุกับภัยคุกคามหลายคนโดยได้รับอิทธิพลมาจากเหตุการณ์จริง ซึ่งการฝึกยิงปืนรูปแบบนี้จะทำให้นักยิงปืนสามารถคุมปืนได้ดีขึ้น
สุดท้ายนี้ทุกครั้งที่จับปืนขอให้มี “สติ”
เรียบเรียงโดย Batman
อ้างอิงเนื้อหาบางส่วนจากบทความเรื่อง Engaging Multiple Attackers ของ Dave Spaulding และ Combat Pistol Shooting ของ Wikipedia
Light characteristic
ศูนย์ไฟฉายหรือไฟฉายที่ถือด้วยมือซึ่งใช้ในการยิงปืนในภาวะแสงต่ำนั้น มีสิ่งที่ต้องเรียนรู้และวิธีการใช้อย่างถูกต้อง
แสงซึ่งส่องออกมาจากไฟฉายไม่ว่าแบบใดจะมีความสว่างอยู่สองบริเวณ คือ
- แสงเข้มตรงกลาง เป็นบริเวณซึ่งแสงไฟสว่างสุด ควรมีความสว่างเท่ากันอย่างทั่วถึงไม่มีตรงกลางซึ่งสว่างน้อยกว่า (Center blind spot)
- แสงจางๆบริเวณรอบนอก (The arc of light) เป็นบริเวณรอบนอกถัดออกมาจากแสงเข้มตรงกลาง ความสว่างน้อยลงกว่าส่วนตรงกลางมาก แต่ก็ยังพอมองเห็นสิ่งต่างๆในบริเวณดังกล่าวได้
โดยทั่วไปแล้วบริเวณแสงเข้มตรงกลางจะตรงกับแนวปากกระบอกปืนเมื่อใช้ศูนย์ไฟฉาย หรือเมื่อถือไฟฉายด้วยมือก็มักวางแนวปืนให้ตรงกับบริเวณนี้เพื่อช่วยในการเล็งและกำหนดเป้าหมาย แต่ในกรณีการค้นหา (Searching) หรือเมื่อพบบุคคลต้องสงสัยแต่ยังไม่ได้มีลักษณะเป็นภัยคุกคาม นาย Clint Smith จะส่องไฟบริเวณแสงเข้มตรงกลางไปที่เท้าของบุคคลนั้น แล้วใช้ความสว่างของแสงจางๆรอบนอกในการดูมือทั้งสองข้างของบุคคลนั้นและมองหาลักษณะหรือสัญญาณที่บ่งบอกว่าเป็นภัยคุกคาม
การที่ไฟส่องไปที่เท้านั้นเป็นการบอกว่า ปืนยังไม่ได้ชี้ไปที่บุคคลนั้นโดยตรงจนกว่าจะแน่ใจแล้วว่าบุคคลนั้นเป็นภัยคุกคาม
ยกตัวอย่าง เช่น เมื่อเขาพบบุคคลใดซึ่งไม่ควรอยู่ที่นั้น เขาส่องไฟฉายไปที่เท้าของคนนั้นแล้วออกคำสั่งต่างๆ ในขณะที่แสงจางๆจากไฟฉาย (The arc of light) ยังคงทำให้เรามองเห็นความเคลื่อนไหวหรือสัญญาณบ่งบอกว่าบุคคลนั้นได้กลายมาเป็นภัยคุกคามแล้ว เมื่อนั้นเขาก็แค่ยกปืนขึ้นให้ไฟส่องสว่างไปที่เป้าหมายแล้วตัดสินใจทำสิ่งที่ควรทำ
ในการเข้าค้นห้องก่อนผ่านประตูเข้าไปเราต้องส่องไฟเข้าไปดูในห้องก่อน ถ้าใช้ปืนติดศูนย์ไฟฉายและต้องการเข้าจากด้านซ้ายของประตู เขาจะให้แสงไฟบริเวณที่สว่างสุดตำแหน่ง 9 นาฬิกา สัมผัสกับขอบประตูด้านซ้ายแล้วใช้ประโยชน์จากแสงจางๆจากไฟฉายในการช่วยดูพื้นที่ภายในห้องบริเวณอื่นๆ มากกว่าการส่องไฟไปที่ทางเดินเข้าประตู แต่ถ้าใช้ไฟฉายที่ถือด้วยมือก็จะมีความคล่องตัวในการใช้งาน อาจถือไฟฉายทางซ้ายหรือขวาของปืนก็ได้ขึ้นกับวิธีที่ใช้ และสามารถส่องไฟไปยังตำแหน่งที่ต้องการค้นหาได้อย่างสะดวกรวดเร็ว
จำไว้ว่าการจับเป้าหมายในการยิงขึ้นกับศูนย์ปืน “ไม่ใช่ตำแหน่งที่ไฟส่องไปถูก” ในการเปิดใช้ไฟฉายนั้นต้องคิดไว้ในใจเสมอว่า “เปิดเพื่อทำการต่อสู้ ไม่ใช่เปิดเพื่อดู” เพราะมิเช่นนั้นแล้วหากคิดแต่จะดู มองหาภัยคุกคามอย่างเดียว เมื่อพบภัยคุกคามแล้วแนวปืนอาจยังไม่พร้อมที่จะใช้ปกป้องตัวคุณเอง เขาจะเปิดไฟฉายเพื่อแยกแยะและกำหนดเป้าหมาย การมองเห็นสิ่งต่างๆเป็นเพียงผลพลอยได้ของแสงจากไฟฉายเท่านั้น
การยิงปืนประกอบไฟฉายนั้นเป็น “ทักษะ” ดังนั้นจึงเหมือนการฝึกยิงปืนทั่วไป หากต้องการยิงปืนประกอบไฟฉายได้ดีก็ต้อง “ฝึก ฝึก ฝึก” เท่านั้น
TAS สอนการยิงปืนประกอบไฟฉายอย่างถูกวิธีใน TAS force 2 และ TAS force Pro
สุดท้ายนี้ทุกครั้งที่จับปืนขอให้มี “สติ”
เรียบเรียงโดย Batman
อ้างอิงเนื้อหาบางส่วนจากบทความเรื่อง Lights: More on use and deployment ของ นาย Clint Smith
Tactical Flashlights VS. Weaponlights
คนตาบอดยิงปืนเป็นตัวอย่างซึ่งยกขึ้นบ่อยในโรงเรียนกฎหมายเกี่ยวกับความสะเพร่าของผู้ใช้อาวุธปืนหรือความประมาทในการใช้อาวุธปืน ในช่วงมืดมิดยามค่ำคืนถึงแม้บุคคลใดจะมีสายตาปกติทุกอย่าง แต่ในทางกฎหมายแล้วก็เปรียบเสมือนคนตาบอด
หากใช้อาวุธปืนยิงในภาวะดังกล่างมีความเสี่ยงสูงที่จะยิงไปถูกผู้บริสุทธิ์ และเป็นคดีขึ้นศาลตัดสินลงโทษมาแล้วจำนวนมากทุกปี นี้จึงเป็นเหตุผลว่าทำไมจึงเริ่มมีการใช้อุปกรณ์ส่องสว่างประกอบการยิงปืนในภาวะแสงต่ำตั้งแต่ช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 19
ในช่วง ค.ศ. 1880s เจ้าหน้าที่รักษากฎหมายได้เริ่มมีการใช้ตะเกียงน้ำมันก๊าดเพื่อส่องดูเป้าหมายด้วยมือข้างหนึ่ง ส่วนมืออีกข้างถือปืนลูกโม่หกนัดไว้
ในช่วง ค.ศ. 1930s FBI ได้พัฒนาวิธีการยิงปืนประกอบไฟฉาย ด้วยการถือปืนด้วยมือข้างหนึ่งส่วนมืออีกข้างถือไฟฉายยื่นออกไปด้านข้างออกห่างจากลำตัว เพื่อแยกแยะเป้าหมายและเป็นการหลอกคนร้ายว่าคุณอยู่ที่ซึ่งไฟฉายส่องออกมา (คนร้ายมักยิงไปยังแหล่งกำเนิดแสงไฟ โดยคาดว่าคนซึ่งถือไฟฉายก็น่าจะอยู่ที่นั้นด้วย)
ปืนซึ่งมีไฟฉายติดอยู่กับตัวปืนนั้นเริ่มมีการใช้ในช่วงต้น ค.ศ. 1900s แต่ยังไม่ได้รับความนิยมจนถึงช่วงคริสต์ศตวรรษที่ 20 ปัจจุบันนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจนิยมใช้ปืนซึ่งติดศูนย์ไฟฉายที่ให้แสงสีขาว (White light สามารถทำให้แยกแยะเป้าหมายได้ดีกว่าแสงสีอื่น) โดยมีซองปืนซึ่งใช้กับปืนที่ติดศูนย์ไฟฉายพร้อมใช้งาน แม้แต่การพกปืนแบบซ่อนเร้นก็มีซองปืนซึ่งใช้กับปืนที่ติดศูนย์ไฟฉาย (Concealment holsters) ให้ใช้ได้ด้วย
สำหรับประชาชนทั่วไปแล้วการใช้ปืนซึ่งติดศูนย์ไฟฉายอยู่นั้นมีสิ่งหนึ่งเป็นกังวลใจมากก็คือ ปืนและไฟฉายจะชี้ไปในทิศทางเดียวกันตลอด นั้นหมายถึงเมื่อไฟฉายส่องไปที่บุคคลใด ปากลำกล้องปืนก็ชี้ไปที่คนนั้นด้วยเช่นกัน ถึงแม้คุณจะเอานิ้วชี้ออกนอกโกร่งไกไว้ตลอดก็ตาม
มีการทดสอบในยุโรปพบว่าในภาวะความเครียดสูงถึงแม้จะเป็นนักยิงปืนมืออาชีพที่มีประสบการณ์สูงก็ยังเผลอเอานิ้วชี้เข้าโกร่งไกสัมผัสกับไกปืนโดยไม่มีเหตุผลสมควรอยู่บ่อยครั้ง ดังนั้นจึงเป็นเครื่องชี้ว่า “ไม่มีใครสมบูรณ์แบบ”
ยิ่งไปกว่านั้นคุณไม่จำเป็นต้องยิงทุกคนซึ่งลำกล้องปืนชี้ไปหา นอกจากนั้นการชี้ปืนซึ่งบรรจุกระสุนไปยังบุคคลอื่นอย่างไม่เหมาะสมตัวคุณเองก็อาจมีความผิดอาญาได้แล้ว และยิ่งถ้าคุณยิงปืนออกไปถูกผู้บริสุทธิ์ไม่ว่าจะเป็นคนรู้จัก ญาติสนิทมิตรสหายหรือคนที่คุณรักโดยไม่ตั้งใจ ก็จะส่งผลทั้งทางกฎหมาย ครอบครัวทั้งสองฝ่ายและทางจิตใจอย่างรุนแรง
สำหรับนาย Massad Ayoob แล้วเขาเลือกที่จะใช้ปืนซึ่งมีศูนย์ไฟฉายติดอยู่และมีไฟฉายอีกกระบอกแยกต่างหากออกมาอีกอันเพื่อใช้ในการเฝ้าบ้าน ในการค้นหาคนร้าย (Searching) เขาจะให้แนวปืนชี้ลงพื้นและมืออีกข้างถือไฟฉายส่องมองหาคนร้ายหรือสิ่งผิดปกติใดๆเพื่อป้องกันการชี้ปืนไปยังบุคคลอื่นโดยไม่ตั้งใจ และถ้าคุณได้ยินเสียงผิดปกติที่ประตู คุณก็สามารถยกปืนขึ้นสู่ระดับสายตาพร้อมกับศูนย์ไฟฉายได้ทันที
คงไม่มีใครโต้เถียงได้ว่า การยิงปืนประกอบศูนย์ไฟฉายด้วยสองมือ (ใช้นิ้วโป้งของมือข้างไม่ถนัดในการเปิด-ปิดปุ่มไฟฉาย) นั้น ให้ความรวดเร็วและแม่นยำกว่าการถือไฟฉายด้วยมือข้างหนึ่ง ส่วนมืออีกข้างถือปืนยิง นอกจากนั้นการยิงปืนต่อสู้ป้องกันตัวในหลายครั้งเกิดขึ้นในระยะประชิดตัวมากๆชนิดที่ปากลำกล้องปืนกดสัมผัสผิวหนังกันเลยทีเดียว ถ้าเป็นปืนสั้นกึ่งอัตโนมัติหากคุณกดปากลำกล้องปืนชิดตัวคนร้าย อาจทำให้สไลด์ถอยหลังได้เล็กน้อยส่งผลให้การทำงานของปืนติดขัดไม่สามารถยิงได้ แต่ถ้าปืนของคุณติดศูนย์ไฟฉายไว้โดยส่วนมากแล้วปลายศูนย์ไฟฉายจะยาวเกินปลายลำกล้องปืนออกมา เมื่อคุณกดปลายลำกล้องปืนเข้ากับตัวคนร้ายก็มักจะติดปลายศูนย์ไฟฉายก่อนที่จะถึงปลายลำกล้องปืน จึงไม่ทำให้ปืนติดขัดสามารถทำการยิงได้ ด้วยเหตุผลเหล่านี้มันอาจเป็นสิ่งที่ช่วยชีวิตคุณไว้ก็ได้
อาจไม่ได้สำคัญมากนักว่าจะเป็นศูนย์ไฟฉายหรือไฟฉายที่ถือไว้ด้วยมือ ถ้าเป็นไปได้ควรมีทั้งสองแบบแล้วเลือกใช้ให้เหมาะสมกับสถานะการณ์เป็นดีที่สุด
การยิงปืนในภาวะแสงต่ำนั้นที่สำคัญที่สุด คือ การแยกแยะเป้าหมาย ให้ได้ก่อนว่าเป็นภัยคุกคามหรือไม่ นอกจากดูที่ใบหน้าแล้วว่าเป็นคนรู้จักหรือไม่ ยังต้องดูที่มือทั้งสองข้างเสมอเพื่อมองหาอาวุธ อีกทั้งต้องสังเกตหาสัญญาณซึ่งบ่งบอกว่าคนร้ายได้แสดงลักษณะที่เป็นภัยคุกคามออกมาแล้วจึงจะทำการยิงได้
คิดไว้เสมอว่า ระยะห่างเป็นเพื่อนของคุณเสมอ (Distance is always your friend) ดังนั้นคงไว้ซึ่งระยะห่างระหว่างเรากับภัยคุกคาม หรือพยายามถอยห่างออกจากภัยคุกคามหรือสถานที่ซึ่งคิดว่าภัยคุกคามอาจหลบซ่อนอยู่ เช่น มุมทางเดิน ขอบประตู เป็นต้น
TAS สอนการยิงปืนในภาวะแสงต่ำใน TAS force 2 สำหรับประชาชน และ TAS force Pro สำหรับเจ้าหน้าที่รักษากฎหมาย
สุดท้ายนี้ทุกครั้งที่จับปืนขอให้มี “สติ”
เรียบเรียงโดย Batman
อ้างอิงเนื้อหาบางส่วนจากบทความเรื่อง The Light and The Handgun ของ Massad Ayoob
Shooting on the Move
ล้ำลือกันว่า มิยาโมโต้ มูซาชิ (Miyamoto Musashi) เป็นนักดาบที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ญี่ปุ่น เชื่อกันว่ามีคนสังเวยชีวิตภายใต้คมดาบของเขามากกว่าหกสิบคน แสดงว่าเขาต้องรู้เคล็ดลับอะไรบางอย่างเกี่ยวกับการเผชิญหน้าซึ่งมีชีวิตเป็นเดิมพัน
เขาได้เขียนหนังสือเล่มหนึ่งชื่อ “คัมภีร์ห้าห่วง (Book of Five Rings)” เขาได้เขียนถึงความสำคัญของการเคลื่อนไหวขณะต่อสู้ไว้ด้วย ไม่ว่าจะเป็นดาบหรืออาวุธปืนการก้าวเท้า (Footwork) และการจัดระเบียบร่างกายขณะเคลื่อนที่หรือเคลื่อนไหวล้วนเป็นสิ่งสำคัญ
แทคติกหรือกลวิธีต่างๆที่ใช้ในสถานการณ์ซึ่งตึงเครียดมากๆควรใช้วิธีที่เรียบง่ายและเชื่อถือได้ ถึงแม้การเดินจะเป็นสิ่งที่ทุกคนคุ้นเคย แต่การเดินไปยิงไปนั้นเป็นอะไรที่แปลกออกไปอย่างมาก การเคลื่อนที่ยิงได้ดีนั้นขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย หนึ่งในนั้นก็คือ การก้าวเท้าอย่างถูกต้อง(Proper footwork)
หลักทั่วๆไปปลายเท้าควรชี้ไปในทิศทางที่เรากำลังเคลื่อนที่ไป ในขณะที่ร่างกายส่วนบนหันไปทางเป้าหมาย การเดินแบบนี้จะลดโอกาสที่จะเสียสมดุล สะดุดหกล้ม ยกเว้นการเคลื่อนที่ไปด้านข้างอย่างรวดเร็วหนึ่งหรือสองก้าว ซึ่งทำโดยก้าวแรกให้ยาวจากเท้าข้างที่ใกล้ที่สุดในทิศทางที่จะไป แล้วตามด้วยก้าวสั้นๆของเท้าอีกข้างเพื่อรักษาระยะห่างของเท้าให้เท่ากับหัวไหล่
ในการเคลื่อนที่ไปข้างหน้าแต่ละก้าวให้เท้าสัมผัสพื้นโดยเริ่มจากส้นเท้าไปปลายเท้า และทำกลับกันในกรณีที่เดินถอยหลัง การเคลื่อนที่แบบนี้จะช่วยลดโอกาสที่จะลื่นหกล้ม ทุกก้าวจะรับทราบถึงสภาพสิ่งกีดขวางบนพื้นก่อนที่ร่างกายทั้งหมดจะเคลื่อนไปเต็มตัว
ในการเคลื่อนที่ไปด้านข้างยังมีอีกวิธีหนึ่ง คือ ใช้วิธีการไขว้ขา (Cross-strep) ไม่ว่าจะจะไขว้ไปด้านหน้าหรือด้านหลังของขาอีกข้าง โดยทั่วไปการก้าวเท้าแบบไขว้ขานี้ไม่ค่อยแนะนำเพราะจะเสียสมดุลหรือหกล้มได้ง่าย แต่วิธีนี้บางครั้งก็ใช้ได้ในกรณีที่กำลังเคลื่อนที่ไปในทิศทางหนึ่งและทำการยิงเป้าหมายจากด้านหลัง
ในขณะเคลื่อนที่เข่าควรงอเล็กน้อยซึ่งจะทำให้ทรงตัวได้ดีในพื้นที่ลื่นหรือขรุขระ อีกทั้งสามารถควบคุมการเคลื่อนที่ของศีรษะได้ดีกว่า หากศีรษะเคลื่อนที่มากจะทำให้มีปัญหาในการเล็งปืน การงอเข่าเล็กน้อยจะทำให้ศีรษะเคลื่อนที่น้อยลง และควรก้าวเท้าสั้นๆ ทั้งหมดนี้จะทำให้ปากกระบอกปืนเคลื่อนไหวน้อยลง
ข้อผิดพลาดที่พบบ่อยในการเคลื่อนที่ยิง เช่น การก้าวเท้ายาวเกินไปหรือวิ่ง ถึงแม้อาจจะจำเป็นในบางสถานการณ์ ควรเคลื่อนที่ยิงให้เร็วเท่าที่จะสามารถทำการยิงถูกเป้าหมายได้อย่างแม่นยำ ในบางครั้งเราอาจต้องวิ่ง บางครั้งต้องยิงปืน แต่เราไม่ควรทำทั้งสองสิ่งนี้พร้อมกันเพราะโอกาสพลาดเป้าหมายได้มากโดยเฉพาะเมื่อทุกนัดมีความสำคัญ
นอกจากนั้นให้ร่างกายส่วนบนหันไปทางเป้าหมายตลอดเวลา และโน้มตัวส่วนบนไปข้างหน้าเล็กน้อย เพราะสิ่งนี้จะทำให้รักษาสมดุลของร่างกายได้ดีขึ้นและมีผลทางจิตใจในเชิงรุก (Aggressive) การคงท่าทางเชิงรุก (Aggressive posture) ด้วยการโน้มตัวส่วนบนไปข้างหน้าเข้าหาเป้าหมายเล็กน้อยเช่นนี้เป็นสิ่งที่สำคัญถึงแม้จะเป็นการเดินถอยหลังก็ตาม
การเคลื่อนที่ยิงควรทำให้เป็นธรรมชาติโดยเริ่มฝึกจากการเคลื่อนที่ของเท้าก่อนแล้วค่อยนำปืนเข้ามาประกอบการฝึกให้เป็นขั้นเป็นตอนไป ทำการฝึกยิงในขณะเคลื่อนที่และเมื่อกระสุนหมดหรือเกิดปัญหาให้ฝึกบรรจุกระสุนหรือแก้ไขปัญหาขณะเคลื่อนที่ด้วย เพราะในสถานการณ์จริงบางครั้งอาจไม่มีเวลาให้หยุดบรรจุกระสุนหรือแก้ไขเหตุติดขัดของปืน การฝึกเช่นนี้จะทำให้เรารู้ว่าตนเองจะต้องเคลื่อนที่เร็วแค่ไหนในการทำการยิงที่ดีหรือแก้ไขเหตุติดขัดของปืนได้
การฝึกที่ช่วยในการพัฒนาทักษะนี้อีกอย่างหนึ่ง คือ การใช้อาวุธปืนในสถานการณ์จำลอง (Force-on-force scenarios) ด้วยปืนอัดลม (Airsoft) ซึ่งปืนชนิดนี้เป็นที่ยอมรับในการฝึกของเจ้าหน้าที่รักษากฎหมายทั่วประเทศมานานพอสมควรแล้ว
คงต้องยอมรับว่ากลุ่มกระสุนที่ยิงเป้าหมายขณะเคลื่อนที่จะไม่หนาแน่นเท่ากับการยืนยิงอยู่กับที่ แต่ทักษะนี้สำคัญอย่างยิ่งสำหรับการยิงปืนในสถานการณ์จริง
TAS สอนการเคลื่อนที่ยิงอย่างถูกต้องให้กับผู้รับการฝึกใน TAS force 2
สุดท้ายนี้ทุกครั้งที่จับปืนขอให้มี “สติ”
เรียบเรียงโดย Batman
อ้างอิงเนื้อหาบางส่วนจากบทความเรื่อง Tactical Move ของ Richard Nance
Newcastle limousines