Sunday, March 15, 2009

Tactical Flashlight




Tactical Flashlight

ส่วนใหญ่การยิงปืนในสถานการณ์จริงมักเกิดขึ้นในสภาพที่มีแสงต่ำตั้งแต่ช่วงหัวค่ำจนถึงเช้ามืด ในหลายโอกาสแม้เป็นเวลากลางวันแต่ภัยคุกคามอยู่ในห้องที่ปิดมืดหรือซ่อนตัวในที่อับแสง เราอาจต้องใช้ไฟฉายประกอบการค้นหาหรือแม้แต่ร่วมกับการยิงปืน

ไฟฉายนอกจากช่วยให้สามารถแยกแยะเป้าหมายได้ง่ายแล้ว เมื่อเราส่องไฟเข้าตาภัยคุกคามเบื่องหน้าอาจทำให้ตาพล้ามัวชั่วขณะ ทำให้มีเวลาพอที่จะหนีหรือกระทำการอย่างอื่นต่อไป แต่การใช้ไฟฉายก็อาจเปิดเผยตำแหน่งที่อยู่ของเราซึ่งภัยคุกคามอาจเข้าจู่โจมเราได้ ดังนั้นการใช้ไฟฉายประกอบการยิงปืนจึงมีทั้งข้อดีและข้อเสีย

ไฟฉายที่ใช้มี 3 รูปแบบหลักๆด้วยกันคือ เริ่มตั้งแต่ไฟฉายธรรมดาที่ใช้กันอยู่ทั่วไปมีปุ่มเปิด-ปิดอยู่ด้านข้างของกระบอกไฟฉาย อย่างที่สองไฟฉายที่ถือด้วยมือแต่ปุ่มเปิด-ปิดอยู่ด้านท้ายกระบอก (Tactical handheld flashlight) และสุดท้ายคือศูนย์ไฟฉายที่สามารถติดกับปืนได้โดยตรง แต่ละแบบมีข้อดี-ข้อด้อยแตกต่างกันไป

เรานิยมใช้ไฟฉายสองแบบหลังในการยิงปืนโดยเฉพาะไฟฉายแทคติค่อลที่ปุ่มเปิด-ปิดอยู่ท้ายกระบอกและถือด้วยมืออีกข้าง มีประโยชน์อย่างมากเนื่องจากใช้งานได้หลากหลายวัตถุประสงค์

การเลือกซื้อไฟฉายแทคติค่อลแบบที่ถือด้วยมือมีหลักการง่ายๆที่ต้องพิจารณาดังนี้

1. ขนาดของไฟฉาย โดยปกติไฟฉายยาว 5 ถึง 7 นิ้ว เหมาะสำหรับการพกทำงานตามปกติ โดยเฉพาะบุคคลหรือเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ต้องใช้ไฟฉายประจำ ส่วนไฟฉายที่สั่นกว่านี้สามารถใช้เป็นไฟฉายแบบพกซ่อนได้

2. ความหนาบางของไฟฉาย ไฟฉายที่ผอมขนาดเส้นผ่าศูนย์กลาง 0.75 นิ้วจะไม่ทำให้สะดวกมากขึ้นเมื่อพกแบบเสียบเข็มขัด แต่จะเหมาะกับการพกซ่อนในเสื้อผ้า การที่ไฟฉายผอมลงก็ต้องแลกกับความสามารถในการรวมแสงที่แย่ลง

3. แบตเตอรี่ ไฟฉายเหล่านี้มักใช้กับถ่านไฟฉาย CR123 Lithium โดยถ่านไฟฉายประเภทนี้มีอัตราการสูญเสียไฟต่ำทำให้อายุการเก็บรักษาได้นานถึงสิบปีทีเดียว แต่ก็ควรซื้อถ่านไฟฉายที่มีคุณภาพดีซึ่งอาจมีราคาแพง ไม่เช่นนั้นหากใช้ถ่านไฟฉายคุณภาพต่ำอาจไม่สามารถเก็บได้นานหรือเกิดระเบิดเองได้

4. ความแรง (Power) หรือความสว่าง มีสองหน่วยที่ใช้วัดความแรงของไฟฉาย หน่วยแรกคือ ลูเมนส์ (Lumens) เป็นการวัดประมาณแสงทั้งหมดที่หลอดไฟส่องสว่างออกมา กับอีกหน่วยหนึ่งคือ แรงเทียน (Candlepower) เป็นการวัดจุดที่สว่างที่สุดของลำแสงจากหลอดไฟ

ถ้าหลอดไฟที่มีลูเมนส์เท่ากันสองหลอดแต่หลอดที่มีแรงเทียนมากกว่าจะให้แสงที่มีความเข้มในส่วนที่รวมแสง (Focused) มากกว่าหลอดที่มีแรงเทียนต่ำกว่า โดยปกติเรามักนิยมวัดความแรงของไฟฉายด้วยหน่วย ลูเมนส์ สำหรับไฟฉายแทคติค่อลควรมีความแรงอย่างต่ำ 60 ลูเมนส์

ควรตรวจดูว่าไฟฉายนั้นรวมแสงได้ดีมากน้อยเพียงใด และมีจุดบอดอยู่กลางลำแสงหรือไม่ ไฟฉายควรสามารถรวมแสงได้ดีไม่มีจุดบอด

5. หลอดไส้หรือหลอด LED ภายในหลอดไส้จะบรรจุด้วยก๊าซเฉื่อยเพื่อให้อายุหลอดนานขึ้นและเพิ่มประสิทธิภาพ ปัจจุบันนิยมใช้ก๊าซ Xenon หรือ Halogen ส่วนหลอด LED มีประสิทธิภาพดีกว่าหลอดไส้ในแง่อายุการใช้งานและกันสะเทือน

6. ตัวสะท้อนแสง (Reflectors) ทำจากวัสดุและการออกแบบที่หลากหลาย ส่วนใหญ่ถูกออกแบบโดยใช้คอมพิวเตอร์

7. กระจกหน้าหลอดไฟ (Window) ถ้าทำจาก Tempered Pyrex with an anti-reflective coating ถือว่าดีที่สุดขณะนี้

8. ระบบกันสะเทือน (Shock isolation) ไฟฉายที่ถือด้วยมือส่วนใหญ่ไม่จำเป็นต้องมีระบบนี้แต่ศูนย์ไฟฉายที่ติดกับตัวปืนจำเป็นต้องมีระบบนี้ หลอดไฟ LED ไม่จำเป็นต้องมีระบบนี้

9. วัสดุทำกระบอกไฟฉาย (Body materials) ถ้าทำจากยางหรือโพลิเมอร์จะทำให้กระบอกไฟฉายไม่เย็นมากนักในหน้าหนาวและกันลื่นได้ ถ้าได้ความแข็งแรงจากเหล็กมาเสริมก็จะดีอย่างมากแต่ก็ถือว่าไม่ได้เป็นสิ่งที่จำเป็นนัก

10. ปุ่มเปิด-ปิด (Switchology) ไฟฉายที่ใช้กับการยิงปืนมักมีปุ่มเปิด-ปิดอยู่ด้านท้ายกระบอกไฟฉาย โดยส่วนใหญ่มักเป็นการเปิด-ปิดไฟฉายเพียงชั่วคราว ถ้าต้องการเปิดไฟตลอดต้องหมุนปุ่มเปิด-ปิดก่อน ส่วนไฟฉายแบบใหม่ๆมักใช้การกดปุ่มเพียงครึ่งทางเพื่อการเปิด-ปิดชั่วคราวแต่ถ้าต้องการเปิดตลอดก็กดปุ่มจนสุด

11. กันน้ำ (Waterproofing) ไฟฉายที่ดีจะกันน้ำโดยมียาง O ring ที่ฝาครอบด้านหน้าและท้ายกระบอกไฟฉายเพื่อกันน้ำ คุณสมบัติกันน้ำเป็นสิ่งจำเป็น

12. คุณภาพโดยรวม (Overall quality) มีสองประเด็นที่ต้องพิจารณาคือ ความเปราะบาง เช่นแตกหักง่ายหรือไม่ อีกประการหนึ่งคือ คุณภาพของแสงที่ออกมา ค่อนข้างเป็นนามธรรมขึ้นกับความต้องการของผู้ใช้

ข้อแนะนำ

เริ่มจากเลือกขนาดของไฟฉายที่ต้องการก่อน (ทั้งความยาวและเส้นผ่าศูนย์กลาง) ควรเลือกไฟฉายที่มีปุ่มเปิด-ปิดอยู่ท้ายกระบอกและเป็นการเปิด-ปิดแบบชั่วคราว ควรให้ความสว่างอย่างน้อย 60 ลูเมนส์ เลือกหลอดไฟแบบไหนก็ได้ถ้าคาดว่าไฟฉายไม่น่าจะตกหล่นบ่อยๆ แต่หลอด LED จะให้แสงไฟขณะที่รวมแสงกว้างกว่าหลอดไส้และมีอายุการใช้งานนานกว่า ประการสุดท้ายควรซื้อไฟฉายกระบอกที่สองด้วย ถ้าคุณไม่ได้พกไฟฉายกระบอกนี้ไว้กับตัวตลอดเวลาก็ควรเก็บมันไว้ในกระเป๋าเครื่องมือ (Gear bag) โดยไฟฉายกระบอกที่สองควรมีความสว่างมากกว่ากระบอกแรก (ซึ่งใช้พกติดตัวประจำ)

สำหรับผู้ที่ปฏิบัติงานที่ต้องใช้ไฟฉายประจำเช่นเจ้าหน้าที่ตำรวจ มีข้อแนะนำว่าไฟฉายที่ใช้งานควรมีสองกระบอก โดยกระบอกหลักที่ใช้งานประจำควรมีความสว่างมากซึ่งอาจมีขนาดใหญ่ ส่วนกระบอกที่สอง (เป็นกระบอกสำรอง) ควรมีขนาดเล็กกว่าพกติดตัวประจำ ในกรณีที่กระบอกหลักไม่ทำงานหรือลืมนำกระบอกหลักไปทำงานด้วย อย่างน้อยก็ยังมีไฟฉายสำรองไว้ใช้งานได้ในยามจำเป็น

สำหรับประชาชนทั่วไปก็ควรมีไฟฉายสองกระบอกเช่นกัน โดยกระบอกหลักอาจเก็บไว้ที่บ้านใกล้กับปืน ส่วนอีกกระบอกก็พกติดตัวใช้ในกรณีจำเป็น

การใช้ไฟฉายประกอบการยิงปืนเป็นทักษะที่ต้องได้รับการฝึกฝนให้เกิดความชำนาญ ควรเรียนรู้ข้อดีและข้อควรระวังในการใช้ไฟฉายขณะยิงปืน อีกทั้งสามารถยิงได้ไม่ว่ามีไฟฉายชนิดใดในมือ ซึ่งแทคติกเหล่านี้ TAS จะสอนใน TAS force 3
สุดท้ายนี้ทุกครั้งที่จับปืนขอให้มี “สติ”

เรียบเรียงโดย Batman
อ้างอิงเนื้อหาบางส่วนจากบทความ Flashlight 101 ของ Ralph Mroz, Flashlight genes ของ Perry W. Hornbarger

No comments:


Newcastle limousines