การถือปืนสั้นกึ่งอัตโนมัติด้วยมือสองข้าง (Pistol gripping 2)
หลักการถือปืนด้วยสองมือจะเหมือนกับการถือปืนลูกโม่ทุกประการ โดยใช้ High grip ร่วมกับ Push/pull technique ส่วนการจับสองมือวิธีที่ใช้กันบ่อยๆ คือ แบบ Lock thumb grip และแบบ High thumb grip หรือ Thumbs forward grip
หลักการถือปืนด้วยสองมือจะเหมือนกับการถือปืนลูกโม่ทุกประการ โดยใช้ High grip ร่วมกับ Push/pull technique ส่วนการจับสองมือวิธีที่ใช้กันบ่อยๆ คือ แบบ Lock thumb grip และแบบ High thumb grip หรือ Thumbs forward grip
สำหรับปืนสั้นกึ่งอัตโนมัตินิยมวิธี High thumb grip หรือ Thumbs forward grip มากที่สุด เพราะให้ความแม่นยำสูงกว่า แต่ Lock thumb grip ให้ความกระชับมากกว่า (โดยส่วนตัวแล้วจะใช้วิธี Lock thumb grip ทั้งปืนลูกโม่และปืนสั้นกึ่งอัตโนมัติ) บางคนอาจใช้นิ้วชี้มือข้างไม่ถนัดมาเกี่ยวไว้หน้าโกรงไกปืนเพื่อเพิ่มความกระชับมากขึ้น ดังนั้นปืนสั้นกึ่งอัตโนมัติบางกระบอกจึงทำลายกันลื่นที่หน้าโกรงไกปืนไว้สำหรับนิ้วชี้มาเกี่ยว (โดยส่วนตัวจะไม่ใช้นิ้วชี้มาเกี่ยวหน้าโกรงไกปืน)
ในระบบต่อสู้การเหนี่ยวไกของปืนสั้นกึ่งอัตโนมัติจะใช้ข้อปลายนิ้วชี้ เนื่องจากต้องลากไกยาวอย่างสม่ำเสมอและไม่ต้องกลั้นหายใจขณะยิง ยกเว้นว่าทำการยิงเป้าหมายที่ระยะไกลซึ่งต้องการความแม่นยำสูง
โดยสรุปสำหรับปืนสั้นกึ่งอัตโนมัตินิยมจับแบบ High grip และ High thumb grip หรือ Thumbs forward grip ร่วมกับ Push/pull technique
การยิงปืนระบบต่อสู้ไม่ว่าจะเป็นปืนลูกโม่หรือปืนสั้นกึ่งอัตโนมัติ เมื่อยิงเสร็จ “อย่าเพิ่งลดปืนลงทันที” ให้ตรวจการณ์ดูเป้าหมายก่อนว่ายังคงเป็นภัยคุกคามอยู่หรือไม่ กวาดตาและปืนดูซ้าย-ขวา (ปืนยังอยู่ในระดับสายตาและหันไปในทิศทางเดียวกับสายตาตลอด แต่นิ้วอยู่นอกโกรงไกปืน เพราะหากเป้าหมายแสดงลักษณะว่ายังคงเป็นภัยคุกคามอยู่ หรือมีภัยคุกความใหม่ปรากฏออกมาก็จะสามารถทำการยิงต่อเนื่องได้ทันที) เรียกว่า การตรวจการณ์หลังการยิง (Cover mode)
เมื่อแน่ใจแล้วว่าปลอดภัยจึงค่อยลดปืนลงมาอยู่ในท่า Low ready position, High compressed ready position, Position sul, High หรือ Combat high position ตามแต่สถานการณ์ความเหมาะสม
การตรวจการณ์หลังการยิง (Cover mode) อาจมีความแตกต่างกันได้หลายรูปแบบ ซึ่งหลักใหญ่ๆจะคล้ายกัน กล่าวคือ อย่าลดปืนลงทันทีหลังยิงเสร็จ กวาดสายตามองหาภัยคุกคาม ส่วนรายละเอียดปลีกย่อยอาจแตกต่างกันบ้างตามแต่หลักสูตรยิงปืน อย่างเช่นในอเมริกาบางหลักสูตร หลังจากยิงเสร็จจะยังคงจับตาอยู่ที่เป้าหมายระยะหนึ่งก่อนค่อยลดปืนลงมาอยู่ในท่า High compressed ready position แล้วผู้ยิงจึงกวาดสายตาทั้งซ้าย-ขวาและข้างหลัง ส่วนปืนยังคงชี้ไปข้างหน้า เมื่อเห็นว่าปลอดภัยแล้วจึงค่อยลดปืนและเก็บเข้าซอง
การตรวจการณ์หลังการยิงเป็นสิ่งสำคัญข้อหนึ่งที่ทำให้การยิงปืนระบบต่อสู้แตกต่างจากการยิงปืนแข่งขันทั่วไป เพราะในการยิงปืนแข่งขันเราสักแต่ยิงอย่างเดียวเพื่อเก็บคะแนนหรือจับเวลา เราไม่ต้องกังวลว่าเป้าหมายจะยิงสวนกลับมา แต่ในการยิงต่อสู้เราต้องตรวจดูให้แน่ใจว่าสามารถหยุดยั้งภัยคุกคามเบื้องหน้าได้แล้วและยังต้องระวังว่าอาจมีภัยคุกคามใหม่ปรากฏขึ้นมาอีก เพราะในสถานการณ์ส่วนใหญ่มักมีภัยคุกคามมากกว่าหนึ่ง จึงควรฝึกตรวจการณ์หลังการยิงจนเป็นนิสัย
สุดท้ายนี้ทุกครั้งที่จับปืนขอให้มี “สติ”
เรียบเรียงโดย Batman
1 comment:
I enjoyed reading your posst
Post a Comment