ปืน เป็นอาวุธอันตรายที่กฎหมายควบคุมตั้งแต่การครอบครอง การพกพา และผลการยิง ถ้าไม่มีใบอนุญาตครอบครองหรือพกพา จะถูกลงโทษตามกฎหมายปืน การพกปืนไม่มิดชิด อวดกร่างขู่ชาวบ้าน แม้มีใบอนุญาตพก ก็อาจถูกลงโทษตามกฎหมายอาญาได้ เมื่อลั่นกระสุนปืน ก็ยังใช้ผลการยิงลงโทษผู้ยิงได้อีกด้วย ดังนั้น การมีปืนจึงต้องมีสติตลอดเวลา
ผลการยิงที่ฆ่าหรือทำให้อีกฝ่ายบาดเจ็บได้ ผู้ยิงต้องรับโทษหนักเบาตามผลนั้น แต่กฎหมายก็มีข้อยกเว้นเพื่อช่วยคนใช้ปืนที่มีเจตนาสุจริตด้วย เช่น การป้องกันตัวเองพอสมควรแก่เหตุที่ไม่ถือว่ามีความผิด การป้องกันตัวเกินสมควรแก่เหตุหรือเหตุจำเป็นยิ่งยวดซึ่งถือว่ามีความผิด แต่รับโทษน้อยลงเท่าที่ศาลจะเห็นสมควร เป็นต้น คำตัดสินของศาลมาจากดุลพินิจตามข้อเท็จจริงและหลักกฎหมายที่ใช้พิจารณาคดี เรื่อง ดุลพินิจ ซึ่งเป็นภาษากฎหมาย ถ้าเรียกให้เข้าใจง่ายคือ การพิจารณาไตร่ตรองด้วยมุมมองและความเชื่อส่วนตัวของผู้ตัดสินคดี นั่นเอง
การพิจารณาขอบเขตของการพอสมควรหรือเกินกว่าเหตุของผู้ใช้อาวุธนั้นไม่มีหลักแน่นอน นักกฎหมายจึงต้องสังเกตจากดุลพินิจของผู้ตัดสินคดีว่าขอบเขตอยู่ที่ใดเพื่อประเมินผลของคดีว่าจะถูกลงโทษหรือไม่ อย่างไร ทั้งนี้ยังมีตัวแปรสำคัญคือ ทัศนคติของผู้ตัดสินคดีต่อรายคดีอีกด้วย ผลคดีที่เกี่ยวข้องกับอาวุธไม่ว่าจะเป็นมีดหรือปืนที่ผู้ใช้ได้รับการคุ้มครองจากกฎหมายบ่อยมาก คือ การเตือนก่อนใช้อาวุธ ไม่ว่าจะเป็นการใช้เสียงหรือแสดงพฤติกรรมบางอย่าง เช่น ยิงเตือนที่ไม่ได้เล็งไปยังเป้าหมายโดยตรง หรือจำนวนหรือทิศทางการแทงมีด เป็นต้น
การเตือนคู่ต่อสู้ก่อนสำหรับคนใช้ปืน มักแย้งว่าเป็นการทำให้ตัวเองเสียเปรียบในการตอบโต้หรือรุกก่อน อยากให้ดูสถานการณ์และเจตนารมณ์ของผู้ใช้ปืนว่า กำลังต่อสู้เอาชนะกัน หรือ ป้องกันตัวเองให้รอดพ้นภัยร้าย เนื่องจากให้ผลทางกฎหมายแตกต่างกัน เราต้องไม่ลืมว่าเมื่อมีปืนในครอบครองเท่ากับเท้าข้างหนึ่งก้าวเข้าไปอยู่ในคุกแล้ว อีกข้างหรือร่างกายจะเข้าไปด้วยหรือไม่ ขึ้นอยู่ที่ผลของการใช้ปืน
ถ้าผู้ใช้ปืนต้องการยิงเพื่อเอาชนะอีกฝ่าย หากมีความตายเกิดขึ้นหรือการบาดเจ็บ จักต้องรับโทษฐานฆ่าคนตายโดยเจตนาหรือทำร้ายให้เขาบาดเจ็บธรรมดาหรือสาหัสขึ้นอยู่ที่ลักษณะบาดแผล โทษประเภทนี้มีตั้งแต่ประหารชีวิตลดหลั่นจนถึงจำคุกมากกว่า 20 ปี ตัวอย่างเช่น การดวลปืนด้วยใจคึกคะนอง การยิงเข้าไปในรถเมล์หรือในที่ชุมนุมของคนจำนวนมาก เป็นต้น ในอีกเจตนารมณ์หนึ่ง คือ ยิงเพื่อป้องกันตัวเองให้พ้นภัยร้าย มักเริ่มต้นด้วยการไม่อยากฆ่าคน แต่อยากไล่เขาหรือหนีไปจากสถานที่อันตรายนั้น กฎหมายจึงมีข้อยกเว้นให้เจตนาประเภทนี้ไว้ที่เรียกกันว่า ป้องกันตัวโดยชอบด้วยกฎหมาย ซึ่งจะถือว่า ไม่มีความผิดใดอันเกิดจากการใช้ปืน เมื่อไม่มีความผิด ก็ไม่ต้องรับโทษ แม้ผลของการยิงอาจฆ่าหรือทำร้ายโจรก็ตาม
จุดประสงค์ของการใช้ปืนเป็นหัวใจสำคัญ หลักกฎหมายยึดถือคำกล่าวที่ว่า “กรรมหรือการกระทำเป็นเครื่องมือชี้เจตนาของผู้กระทำได้” หมายความว่า จะมีคำพูดหรือไม่ก็ตาม เจตนาก็ดูได้จากการกระทำของบุคคล ดังนั้น หลายคดีที่มีการใช้ปืนก่อเหตุจึงดูที่พฤติกรรมการยิงเป็นหลักก็มองเห็นเจตนาของผู้ใช้ปืนได้ การจำแนกว่าการยิงปืนเป็นการจงใจฆ่าหรือป้องกันตัวโดยชอบด้วยกฎหมาย มักดูที่พฤติกรรมการยิงปืนของคู่คดี การเตือนก่อนยิง เป็นเรื่องสำคัญที่จะแสดงเจตนาว่าไม่ต้องการฆ่าใครก่อน หากยังรุกเข้ามาอีก จึงมีสิทธิ์ยิงใส่เป้าหมายได้ตามฝีมือของแต่ละคน
การเตือนก่อนยิงนั้นทำได้หลายวิธี เช่น เตือนด้วยเสียง คงเคยเห็นตำรวจทุกคนมักตะโกนเตือนให้วางอาวุธ มิฉะนั้น จะยิงคนร้าย หลังการเตือนแล้วยิงตาย ตำรวจก็ไม่ต้องรับผิดชอบทางกฎหมาย มันเป็นวิธีปฏิบัติแบบสากล การเตือนด้วยเสียงช่วยให้คนร้ายและผู้ใช้ปืนตั้งสติคิดและพิจารณาชั่วอึดใจหนึ่ง กฎหมายจึงคุ้มครองผู้ใช้ปืนเมื่อได้ส่งสัญญาณเตือนแก่คนร้ายก่อน ถ้าฝ่ายนั้นยังรุกรานต่อไป ผู้ใช้ปืนจึงเกิดสิทธิป้องกันตัวโดยชอบด้วยกฎหมายขึ้น ขณะที่คนร้ายหมดสิทธิอ้างการตอบโต้เพื่อป้องกันชีวิตเพราะเขาเป็นผู้เริ่มคุกคามและไม่ยอมหยุดตามคำเตือนนั้น
การเตือนอีกแบบหนึ่งคือ การเตือนโดยใช้พฤติกรรม เช่น การยิงเตือนไปยังจุดใกล้ตัวคนร้าย เป็นต้น จุดยิงเตือนจะบอกยืนยันเจตนาของผู้ใช้ปืนว่า ต้องการฆ่าตั้งแต่เริ่มแรก หรือ อยากเตือนให้คนร้ายคิดตรองว่าจะรุกคืบคุกคามเหยื่อหรือถอยหลังกลับไป การตัดสินใจของคนร้ายช่วยให้ผู้ใช้ปืนปลอดภัยขึ้นถ้าหันหลังกลับไปหรือสร้างเกราะคุ้มครองทางกฎหมายให้ผู้ใช้ปืนเมื่อรุกคืบเข้าหาอีก กฎหมายมองว่า สัญญาณเตือนทุกรูปแบบมอบเวลายั้งคิดให้แล้ว การตัดสินใจของโจรจักส่งผลต่อบทลงโทษหรือคุ้มครองคนร้ายและคนใช้ปืนในเวลาเดียวกัน
สิ่งที่พึงระวังสำหรับคนใช้ปืนคือ การยิงข้างหลัง ถ้าคนร้ายหันหลังกลับไปแล้วถูกยิงข้างหลัง ผู้ใช้ปืนจะถูกลงโทษทางกฎหมายเพราะสิทธิป้องกันตัวจากภัยร้ายหมดไปแล้วเมื่อโจรหันหลังหนี กระสุนยิงด้านหลังนัดนั้นจะส่อเจตนาฆ่าคนอันเป็นความผิดกฎหมายอาญาทันที แม้โจรจะบุกเข้าบ้านของท่านก็ตาม เราต้องไม่ลืมว่าทางกฎหมายช่วงเวลา ผลจากกระสุนแต่ละนัด พฤติกรรมคนร้ายและเจ้าของปืน จะบอกเจตนาได้ชัดเจนว่าป้องกันตัวหรือจงใจฆ่าคน กรณีที่โจรหันหลังหนีแล้วถูกยิงข้างหลัง กฎหมายแบ่งส่วนการรับโทษไว้ระหว่างโจรกับเจ้าของปืน คือ โจรก็รับผิดฐานบุกรุกบ้านของคนอื่น ส่วนผู้ใช้ปืนก็รับโทษฐานฆ่าคนโดยเจตนา แต่จะถือเป็นการป้องกันตัวเกินสมควรแก่เหตุด้วยหรือไม่ ศาลจะลงโทษมากน้อยแค่ไหนขึ้นอยู่กับดุลพินิจของศาล
เคยมีเหตุการณ์ที่โจรบุกเข้าปล้นบ้านนักแม่นปืนทีมชาติโดยพกมีดไปด้วยและไม่รู้ภูมิหลังเจ้าของบ้านมาก่อน เขาก็ใช้ปืนยิงเตือนก่อนโดยยิงไปที่กระถางต้นไม้ใกล้โจร มิได้เลือกใช้เสียง น่าจะเป็นไปตามหลักการต่อสู้ด้วยปืนที่เลี่ยงการใช้เสียงเพื่อความได้เปรียบด้านยุทธวิธี แต่คนร้ายยังรุกคืบต่อไป เขายิงใส่แขนและขาของคนร้ายจนบาดเจ็บลุกหนีไม่ได้ ทั้งที่ยิงฆ่าตายในฐานะผู้เชี่ยวชาญการใช้ปืนก็ได้ เขาไม่ถูกดำเนินคดีทางศาล เพราะตำรวจและอัยการเห็นพ้องว่าเป็นการป้องกันตัวเองพอสมควรแก่เหตุถือว่ากระทำโดยชอบด้วยกฎหมาย นี่เป็นตัวอย่างของผู้ควบคุมปืนได้อย่างสมบูรณ์และใช้ปืนอย่างสุจริตใจ
ทุกครั้งที่ถือปืนจักต้องมีสติติดกายไว้ กระสุนทุกนัดที่ลั่นออกไปหมายถึงความรับผิดชอบทางกฎหมายต่อสังคมและครอบครัวของเหยื่อ กฎหมายจักคุ้มครองเฉพาะคนสุจริตเท่านั้น ไม่ว่าจะพูดโกหกอย่างไร กฎหมายสามารถมองเห็นเจตนาได้จากการกระทำเสมอ หากเลือกปืนเพื่อคุ้มครองชีวิตหรือทรัพย์สิน ก็ควรรู้จักวิธีควบคุมปืนให้ใช้ได้อย่างปลอดภัยและกำหนดขอบเขตผลการใช้ปืนได้ ขอให้จำว่า ตอนถือปืน เราควบคุมชีวิตของตนได้ เมื่อลั่นกระสุนออกไป คนตัดสินชะตากรรม จักเป็นคนอื่น เช่น ตำรวจ อัยการ ศาล เป็นต้น ทุกครั้งที่ถือปืน จงตั้งสติให้มั่นคง เพราะสติช่วยให้เดินห่างจากคุก
เรียบเรียงโดย Black Cuff
No comments:
Post a Comment