The
Combative Skills
ในการใช้อาวุธปืนต่อสู้เพื่อป้องกันตัวและเอาชีวิตรอดนั้น
ความรู้ ทักษะ
และจิตใจที่พร้อมรับมือกับภาวะวิกฤติซึ่งมีชีวิตเป็นเดิมพันถือว่าสำคัญอย่างยิ่ง
ในสถานการณ์ดังกล่าวสิ่งหนึ่งซึ่งต้องตระหนักไว้ก็คือ
ยามที่เผชิญหน้ากับภัยคุกคามร้ายแรง สมองและความคิดจะสับสน
อีกทั้งความสามารถในการพิจารณาไตร่ตรองอย่างรอบคอบจะลดลง
ซึ่งการฝึกอย่างถูกต้องเหมาะสมจะทำให้เราตอบสนองได้ดีขึ้น
ใครก็ตามที่มีประสบการณ์ผ่านการต่อสู้ด้วยอาวุธปืนไม่ว่าจะเป็นตำรวจหรือทหาร
ต่างก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ความมั่นใจในทักษะการต่อสู้ของตนเองเป็นสิ่งเดียวที่ไม่อาจขาดได้
การมีทักษะในการยิงปืนที่ดีเป็นสิ่งสำคัญในการเพิ่มความมั่นใจในการใช้อาวุธปืนเพื่อป้องกันตัว
และความสามารถนี้จะเกิดขึ้นได้จากการฝึกฝนทักษะซึ่งมีความเรียบง่ายในการใช้งาน
จากเหตุการณ์และประสบการณ์ในอดีตพบว่าไม่ใช่คนซึ่งชักปืนไวที่สุดหรือยิงได้กลุ่มกระสุนที่ดีที่สุดจะเป็นผู้ชนะและอยู่รอดเสมอไป
แต่ผู้ชนะส่วนใหญ่คือ ผู้ซึ่งเตรียมพร้อม ไม่กลัวความเจ็บปวด กล้าที่จะต่อสู้ระยะประชิดกับคนร้าย
และไม่ลังเลที่จะต่อกรและสยบภัยคุกคามเบื้องหน้าเมื่อยามที่สถานการณ์ไม่อาจเลี่ยงการใช้กำลังได้
จากประสบการณ์ตลอด
30 กว่าปีของนาย Dave Spaulding ในบทบาทเจ้าหน้าที่ตำรวจและอีก
7 ปีทำงานกับนักโทษในคุกของรัฐ ทำให้เขารู้ว่าพวกอาชญากรคิดอย่างไร
ความผิดพลาดที่พบบ่อยที่สุดสำหรับบุคคลทั่วไปและเจ้าหน้าที่ก็คือ
มักเอาความคิดและความรู้สึกของตนเองไปใส่ให้กับอาชญากรร้ายแรง
(ซึ่งมักคิดและรู้สึกไม่เหมือนคนทั่วไป) เช่น เจ้าหน้าที่คนหนึ่งขณะเผชิญหน้ากับคนร้ายที่มีอาวุธปืนในมือ
เจ้าหน้าที่ค่อยๆวางปืนของตนเองลงเพื่อให้ดูว่าตัวเขาไม่ได้เป็นภัยคุกคามกับคนร้ายและต้องการให้สถานการณ์ตึงเครียดน้อยลง
แต่กลับถูกคนร้ายยิงใส่
นาย Kelly
McCann ผู้ก่อตั้ง Crucible (ศูนย์ฝึกป้องกันตัวในสภาพแวดล้อมที่มีความเสี่ยงสูง)
กล่าวไว้ว่า ในการต่อสู้นั้นเราใช้เพียง 10 เปอร์เซ็นต์ สำหรับทักษะ และอีก 90
เปอร์เซ็นต์ เป็นเรื่องของจิตใจและทัศนคติ ทักษะทางร่างกายมีผลโดยตรงต่อสภาพจิตใจ
แต่คุณต้องเตรียมสภาพจิตใจให้พร้อมที่จะใช้ทักษะของคุณเช่นกัน
ดังนั้นทักษะทางด้านร่างกายและสภาพจิตใจจึงพึ่งพาซึ่งกันและกันไม่อาจขาดสิ่งใดสิ่งหนึ่งได้
คำว่า Combative
Mindset หมายถึง การเตรียมพร้อมไว้ก่อนโดยอาศัยเหตุผลและสติปัญญา
ในการที่จะตอบโต้กลับหรือต่อสู้กลับ เราจะทำเช่นนั้นได้ต้องอาศัยประสบการณ์ชีวิต
การศึกษาหาความรู้และการฝึกฝน การสอนประชาชนให้มี Combative Mindset ไม่ใช่สอนให้เขาไปข่มเหงใคร
แต่เป็นการลงทุนที่ฉลาดสำหรับเตรียมรับมือกับภัยคุกคามอันไม่คาดฝัน
“การเตรียมให้พร้อมไว้ก่อน”
เป็นสิ่งสำคัญ ทั้งทหาร ตำรวจและประชาชนจำเป็นต้องมีความมั่นใจในความสามารถของตนเองและมีอำนาจเหนือความกลัวเมื่อต้องเผชิญเหตุร้าย
ทักษะในการต่อสู้
(Combative
Skills) มีตั้งแต่การใช้คำพูด น้ำเสียง เทคนิคการป้องกันตัวต่างๆ
อุปกรณ์ เช่น สเปรย์พริกไทย ไปจนถึงอาวุธที่เป็นอันตรายไม่ร้ายแรง เช่น กระบอง
เครื่องจี้ไฟฟ้า ไปจนถึงอาวุธปืนซึ่งมีอันตรายถึงแก่ชีวิต
ในการฝึกฝนเราควรเน้นที่การเตรียมความพร้อมทางด้านจิตใจและร่างกายในการตอบสนองต่อภัยคุกคาม
นาย Dave
Spaulding จะถือหลัก 3 S ในการเลือกทักษะหรือเทคนิคที่จะนำมาใช้งานจริง
1. Simple
(เรียบง่าย) เทคนิคที่ครูฝึกสอนนั้นต้องเรียบง่าย
ฝึกฝนหรือทำตามได้ไม่ยาก ในสถานการณ์ที่ตึงเครียดการเคลื่อนไหวที่ซับซ้อนจะทำได้ยากกว่า
ดังนั้นเทคนิคที่เรียบง่ายจึงมักใช้ได้ดี
2. Make
Sense (ดูสมเหตุ-สมผล) คุณกำลังเผชิญกับภัยคุกคามร้ายแรงถึงแก่ชีวิต
ดังนั้นเทคนิควิธีในการรับมือต้องดูสมเหตุ-สมผล
ใช้วิจารณญาณในการพิจารณาว่าเทคนิคนั้นควรทำตามหรือนำมาใช้หรือไม่
3. Street
Proven (ได้รับการพิสูจน์จากการใช้งานจริงมาแล้ว)
เทคนิคที่ได้รับการสอนนั้นผ่านการใช้งานจริงมาแล้วหรือไม่
หากเป็นเทคนิคใหม่และไม่เคยมีการใช้งานจริงมาก่อนก็คงต้องใช้วิจารณญาณในการพิจารณามากหน่อยในการจะนำมาใช้
นอกจากนั้นในการป้องกันตัวเราไม่ควรใช้เทคนิคซึ่งไม่คุ้นเคยหรือไม่ชำนาญ
เพราะอาจเกิดความผิดพลาดได้ง่ายเป็นผลเสียมากกว่าผลดี และเขายังแนะนำอีกว่า
คุณควรฝึกให้หนักและตั้งอยู่ในความไม่ประมาทเตรียมพร้อมรับมือกับสถานการณ์ไม่คาดฝันตลอดเวลา
สุดท้ายนี้ทุกครั้งที่จับปืนขอให้มี
“สติ”
เรียบเรียงโดย
Batman
อ้างอิงเนื้อหาบางส่วนจากบทความเรื่อง The Combative Mind ของ Dave Spaulding
No comments:
Post a Comment