A Favorite
Handgun
กรมตำรวจบางแห่งในอเมริกาใช้หลักการเลือกอาวุธปืนสั้นประจำกายที่ว่า
One size fits all หรือ ตำรวจทุกคนใช้ปืนที่มีลำกล้องขนาดเดียวเท่านั้นไม่ว่าจะเป็นปืนหลักหรือปืนสำรอง
เช่น ใช้กระสุนขนาด 9 ม.ม. หรือขนาด .40 นิ้ว เพียงอย่างเดียว
แต่ที่ Unified Police
Department (UPD) of Greater Salt Lake ในรัฐยูทา (Utah) กลับยอมให้เจ้าหน้าที่ตำรวจของเขาสามารถเลือกใช้กระสุนและอาวุธปืนสั้นประจำกายที่ยืดหยุ่นกว่า
เช่น สามารถเลือกใช้กระสุนขนาด 9 ม.ม., .40 S&W, .357 SIG และ .45 ACP ได้
ถึงแม้จะยังไม่อนุญาติให้ใช้ปืนลูกโม่เป็นปืนหลักในขณะปฏิบัติหน้าที่
(Primary duty handgun) แต่สามารถเลือกใช้เป็นปืนประจำกายขณะไม่ได้ปฏิบัติหน้าที่ (Off-duty
handgun) หรือ ปืนสำรอง (Backup gun, BUG) ได้
เมื่อเริ่มอนุญาติให้พกปืนโครงเล็ก
เช่น โครง J พบว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจเริ่มพกปืนสำรองมากขึ้น
สาเหตุที่ UPD อนุญาติให้ใช้ปืนที่หลากหลายมากขึ้นนั้นมาจากความเห็นที่ว่า ไม่มีปืนใดสมบูรณ์แบบ (No gun is perfect) ในสมัยก่อนที่มีการบังคับให้ใช้ปืนแบบเดียวกันหมดพบว่า ตำรวจมากกว่าครึ่งซื้อปืนส่วนตัวใช้เอง
ไม่ว่าจะใช้กระสุนขนาดใดแต่ทาง UPD กำหนดมาตรฐานไว้ เช่น กระสุน 9 ม.ม. ต้องเป็นขนาด 135 เกรน +P, กระสุน .40 S&W ต้องเป็นขนาด180 เกรน, กระสุน
.45 ACP ต้องเป็นขนาด 230 เกรน + P
เป็นต้น เนื่องจากมีข้อมูลว่าใช้ได้ผลดีในสถานการณ์จริง ส่วนกระสุน .357 SIG
ให้ใช้ขนาด 125 เกรน Speer Gold Dot ส่วนกระสุน
.38 Special ให้ใช้ขนาด 135 เกรน โดยกระสุนทั้งสองขนาดนี้ยังไม่เคยมีการถูกใช้ในสถานการณ์จริงภายในหน่วยงานมาก่อน
ในปัจจุบันพบว่ากระสุนขนาด
9 ม.ม. ถูกเลือกใช้ในหน่วยงานมากที่สุด รองลงมาก็เป็นขนาด .40 และ .357 ตามลำดับ
เป็นที่รู้กันว่า
การยิงให้ถูกเป้าหมายเป็นสิ่งสำคัญที่สุดในการหยุดยั้งภัยคุกคาม
ดังนั้นเจ้าหน้าที่ทุกคนจะได้รับการฝึกอย่างเป็นทางการ 4 ครั้งต่อปี
โดยประกอบด้วยทักษะการยิงปืนที่หลากหลาย อาทิเช่น การยิงปืนในภาวะกดดัน (Stress shoots), การยิงปืนภายใต้อุปสรรค (Obstacle
courses combined with shooting), การตอบสนองของเจ้าหน้าที่ในขณะที่ได้รับบาดเจ็บ
(Wounded officer response techniques) เป็นต้น
ปืนที่เจ้าหน้าที่ถือได้ถนัดมือเป็นปัจจัยสำคัญอย่างยิ่งต่อความสามารถในการใช้อาวุธปืนของแต่ละบุคคล
ดังนั้นปืนที่สามารถปรับเปลี่ยนหรือแก้ไขให้ถนัดมือมากขึ้นจึงช่วยให้การยิงปืนดีขึ้นได้
เมื่อมีการปรับเปลี่ยนหรือปรับปรุงด้ามปืนควรมีการทดลองยิงจริงเพื่อดูว่าช่วยให้การถือปืนและคุมปืนดีขึ้นหรือไม่
จากการปรับเปลี่ยนนโยบายนี้ทำให้สถิติที่บันทึกได้ของหน่วยงานนี้ดีขึ้นกว่าเก่ามาก
พบว่าอัตราการยิงถูกเป้าหมายสูงถึง 72 เปอร์เซ็นต์ เลยทีเดียว
อย่างที่เคยกล่าวไว้ว่า
หน้าที่สำคัญที่สุดของผู้มีอาวุธปืนก็คือ ต้องยิงให้ถูกสิ่งที่ต้องยิง
การยิงพลาดเป้าหมายอาจก่อให้เกิดผลเสียหายตามมาอีกมาก การเลือกปืนให้ถูกกับผู้ใช้
ฝึกฝนการใช้งานให้เกิดทักษะความชำนาญ เป็นสิ่งสำคัญที่สุด เรียนรู้ข้อดี
ข้อจำกัดของอาวุธปืนที่มี จะทำให้เราสามารถใช้อาวุธปืนได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด
สุดท้ายนี้ทุกครั้งที่จับปืนขอให้มี
“สติ”
เรียบเรียงโดย
Batman
อ้างอิงเนื้อหาบางส่วนจากบทความเรื่อง
Officer Choice ของ Massad Ayoob
No comments:
Post a Comment