ปืนลูกซอง (Shotgun) ถือว่าเป็น ปืนปราบปืน เนื่องจากคุณสมบัติที่โดดเด่นหลายประการ
มีการนำปืนลูกซองมาใช้ในหลากหลายวัตถุประสงค์ อาทิเช่น กีฬายิงปืนลูกซอง
(ไม่ว่าจะเป็นยิงเป้าบินในแบบต่างๆ การยิงปืนรณยุทธ์ เป็นต้น) การล่าสัตว์ หรือใช้งานในราชการทหาร
ตำรวจ และการป้องกันตัวภาคประชาชน
จุดเด่นสำคัญอย่างหนึ่งคือ
กระสุนปืนลูกซอง มีให้เลือกใช้หลากหลายชนิดมาก ไม่ว่าจะเป็น กระสุนลูกปราย (กระสุน
1 นัด ภายในบรรจุหัวกระสุนเล็กๆหลายนัด) หรือ กระสุนลูกโดด (กระสุน 1 นัด
มีหัวกระสุนขนาดใหญ่ 1 นัด)
โดยปกติการใช้ปืนลูกซองเพื่อการป้องกันตัวนิยมใช้กระสุนลูกปลาย
9 เม็ด เป็นส่วนใหญ่ เมื่อยิงออกไปหัวกระสุนจะกระจายออกเป็นม่านกระสุนหรือที่เรียกว่า
Pattern ของกระสุน จึงมีโอกาสกระทบเป้าหมายได้ง่ายเมื่อเทียบกับกระสุนลูกโดด
แต่กระสุนลูกโดดก็มีคุณสมบัติที่สามารถยิงออกไปได้ระยะหวังผลไกลกว่ากระสุนลูกปราย
ดังนั้นปืนลูกซองจึงมีคุณสมบัติของปืน
2 แบบในกระบอกเดียวกัน คือ ปืนลูกซองเมื่อใช้กระสุนลูกปราย และปืนไรเฟิ่ล (Rifle)
เมื่อใช้กระสุนลูกโดด
ในการยิงปืนลูกซองระยะใกล้ด้วยกระสุนลูกปรายนั้น
การใช้ศูนย์ปืนในการเล็งไม่ว่าจะเป็นศูนย์หน้าหรือศูนย์หลังอาจไม่มากนัก เพราะม่านกระสุนมักจะครอบคลุมเป้าหมายเบื้องหน้าในระยะใกล้
แต่เมื่อเป้าหมายอยู่ไกลเกินกว่าที่กระสุนลูกปรายจะมีประสิทธิผล
ก็จำเป็นจะต้องใช้กระสุนลูกโดดแทน
การใช้ศูนย์ปืนไรเฟิ่ลจึงเป็นสิ่งจำเป็น
บางกระบอกมีรางติดอุปกรณ์สามารถติดกล้องเล็งได้ เพื่อให้สามารถยิงกระสุนลูกโดดได้อย่างแม่นยำมากขึ้น
เมื่อจะใช้ปืนลูกซองที่มีศูนย์ไรเฟิ่ลจำเป็นที่จะต้องตั้งศูนย์ปืนด้วยกระสุนลูกโดด
หรือที่เรียกว่าการทำ Zero เพื่อให้เกิดความแม่นยำในการใช้งาน
ส่วนกระสุนลูกปรายก็จำเป็นจะต้องทดลองยิงด้วยกระสุนที่เราจะใช้งานจริงเพื่อรู้ม่านกระสุนที่กระจายออกในระยะต่างๆ
นอกจากนั้นการฝึกเปลี่ยนกระสุนปืนจากกระสุนลูกปรายมาใช้ลูกโดด
หรือที่เรียกว่า Changeover เป็นแทคติกหนึ่งที่สำคัญ
เพื่อให้สามารถใช้ปืนลูกซองได้อย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด
สุดท้ายนี้ทุกครั้งที่จับปืนขอให้มี
“สติ”
เรียบเรียงโดย
Batman
No comments:
Post a Comment