Wednesday, December 23, 2009

Shooting behind the cover


Shooting behind the cover

เมื่อมีภัยคุกคามจากอาวุธปืนปรากฏขึ้นสิ่งแรกที่ต้องคิดถึงก่อนเสมอ คือ หาที่กำบัง โดยที่กำบังนั้นจะต้องแข็งแรงพอที่จะหยุดกระสุนจากภัยคุกคามได้ เราไม่แนะนำให้หมอบลงกับพื้นเพียงอย่างเดียวเพราะการยิงในเมืองหรือการยิงในบ้าน ในเคหะสถาน มักเกิดขึ้นในระยะใกล้ การหมอบลงกับพื้นทำให้เคลื่อนไหวได้ช้าและจำกัดเป็นเป้านิ่งให้กับคนร้ายได้ จึงควรก้มตัวต่ำวิ่งเข้าหาที่กำบังที่ใกล้ที่สุดโดยเร็ว แล้วประเมินสถานการณ์ทันที

นอกจากนั้นในสถานการณ์ที่เรากระสุนหมด หรือปืนเกิดเหตุติดขัดไม่สามารถทำการยิงต่อไปได้ ก็ต้องรีบหลบเข้าที่กำบังโดยเร็วที่สุดเพื่อทำการแก้ไขปัญหาในสถานที่ที่ปลอดภัย เมื่อเราพร้อมตอบโต้ด้วยอาวุธปืน การยิงปืนหลังที่กำบังจึงเป็นทักษะสำคัญอย่างหนึ่งที่ขาดไม่ได้

หลักการยิงปืนหลังที่กำบัง


- ควรถือปืนยิงด้วยสองมือ เป็นที่ยอมรับกันว่าการถือปืนยิงด้วยสองมือให้ความแม่นยำมากกว่าการยิงปืนด้วยมือเดียว ยกเว้นมีเหตุจำเป็นจริงๆซึ่งไม่สามารถถือปืนยิงด้วยสองมือได้

- เล็งด้วยตาข้างถนัดและเปิดตาทั้งสองข้าง ไม่ว่าจะยิงทางด้านใดของที่กำบัง เช่น ซ้าย ขวา บน หรือ ล่าง ก็ควรมองผ่านศูนย์ด้วยตาข้างถนัด เพื่อให้มีความแม่นยำสูงสุด ถึงแม้บางครั้งเราอาจต้องโผล่บางส่วนของร่างกายออกไปมากกว่าการเล็งด้วยตาข้างไม่ถนัดก็ตาม อย่าลืมว่าความแม่นยำต้องมาก่อน เราต้องยิงให้ถูกสิ่งที่เราต้องยิง การเล็งด้วยตาข้างถนัดจะทำได้ดีกว่าตาข้างไม่ถนัด ยกเว้นมีเหตุจำเป็นบางอย่างซึ่งไม่อาจเล็งด้วยตาข้างถนัดได้ หรือเราฝึกการยิงด้วยตาข้างไม่ถนัดได้ดีเช่นกัน (เมื่อยิงหลังที่กำบังข้างไม่ถนัดหากเราสามารถถือปืนด้วยมือและเล็งด้วยตาข้างไม่ถนัดได้ จึงไม่ต้องโผล่ออกจากที่กำบังมากนักก็สามารถทำการยิงได้เกิดความปลอดภัยมากขึ้น)

- ยืนห่างจากที่กำบังประมาณหนึ่งช่วงแขน ตำแหน่งการยืนหรือนั่งยิงหลังที่กำบังมีความสำคัญมาก เรามักได้ภาพการยิงปืนที่ผิดๆจากภาพยนตร์ซึ่งผู้ยิงมักเอาหลังชนกำแพงหรือยืนชิดกำแพง เมื่อจะยิงก็ค่อยกลับหลังหันมายิงผ่านช่องหน้าต่าง ในความเป็นจริงการยิงเช่นนั้นทำให้เสียเวลาในการพลิกตัวเพื่อทำการยิง และไม่ได้ทำให้เราปลอดภัยมากขึ้นแม้แต่น้อย การยืนหันหลังให้ภัยคุกคามเป็นสิ่งที่ไม่ถูกต้องแม้จะมีกำแพงกั้นไว้ก็ตาม เป็นการยากที่เราสังเกตเหตุการณ์ภายนอกเพื่อประเมินสถานการณ์ ดังนั้นเราต้องยืนหันหน้าเข้าหาภัยคุกคามโดยมีที่กำบังกั้นกลาง เป็นการง่ายที่จะมองเป้าหมายและทำการยิงได้อย่างรวดเร็ว นอกจากนั้นหากยืนชิดหรือใกล้ที่กำบังมากเกินไปอาจถูกกระสุนของคนร้ายซึ่งยิงสะท้อนที่กำบังเข้าหาตัวเราได้เป็นอันตรายอย่างมาก

- แนวปืนชี้เข้าหาเป้าหมายตลอด ไม่ว่าจะยิงจากด้านใดของที่กำบังเมื่อมีการเปลี่ยนตำแหน่งการยิง การเคลื่อนที่ของแนวปืนหลังที่กำบังจะชี้ออกไปยังเป้าหมายและควรอยู่ใกล้แนวสายตาให้มากที่สุด เพื่อให้สามารถเริ่มทำการยิงได้เร็วและมีความปลอดภัย

- พยายามโผล่ส่วนของร่างกายออกไปให้น้อยที่สุดเท่าที่จะเป็นไปได้ เพื่อให้เราเป็นเป้าหมายที่เล็กที่สุดสำหรับคนร้าย ดังนั้นโผล่ปืนและส่วนของร่างกายเท่าที่จะทำการยิงเป้าหมายได้ก็พอ ซึ่งสิ่งนี้อาจต่างไปจากการยิงปืนแข่งขันรณยุทธ์เพราะนักกีฬามักโผล่ตัวออกไปมากเพื่อทำการยิงที่ถนัด เพราะรู้ว่าเป้ากระดาษนั้นจะไม่ยิงตอบโต้กลับมา ในสถานการณ์จริงตัวเราต้องอยู่ในที่ปลอดภัยให้มากที่สุด

- อย่าลืมว่าแนวศูนย์เล็งกับแนวปากกระบอกปืนเป็นคนละแนวกัน การที่เรามองผ่านศูนย์ปืนไปยังเป้าหมายได้ไม่มีสิ่งกีดขวางไม่ได้หมายความว่าปากกระบอกปืนไม่มีสิ่งกีดขวางด้วย ดังนั้นเราต้องมั่นใจว่าปากกระบอกปืนอยู่พ้นที่กำบังโดยไม่มีอะไรมาขวาง ปืนสั้นจะมีปัญหานี้น้อยกว่าปืนลูกซองและปืนยาว ซึ่งศูนย์เล็งกับแนวลำกล้องปืนอยู่ห่างกันมากกว่าปืนสั้น

- ขณะทำการยิงควรให้ปากกระบอกปืนยื่นพ้นขอบที่กำบังออกไปเล็กน้อย เพื่อให้แน่ใจว่าจะไม่ยิงถูกที่กำบังของตัวเอง ในบางสถานการณ์เราอาจใช้ขอบของที่กำบังช่วยพยุงปืนให้มีความมั่นคงมากขึ้นขณะทำการยิงได้ แต่การยิงเช่นนี้หากมีคนร้ายหลบอยู่ชิดกับที่กำบังด้านนอกก็อาจทำการแย่งหรือปลดอาวุธในมือเราได้ง่าย ถ้าไม่แน่ใจว่าภายนอกที่กำบังมีคนร้ายหลบซ้อนอยู่หรือไม่ก็อาจถอยหลังยิงห่างจากที่กำบังได้โดยไม่ยื่นปากกระบอกปืนออกพ้นที่กำบัง แต่ต้องระวังเรื่องแนวเล็งกับแนวปืนเป็นคนละแนวกันอาจยิงถูกที่กำบังของตัวเองได้

- ความรวดเร็วในการยิงขึ้นอยู่กับสถานการณ์ ถ้าเราอยู่ในที่ปลอดภัยการยิงก็ไม่จำเป็นต้องเร่งมากนัก เล็งให้ดียิงให้ถูก กระสุนทุกนัดมีความหมายการยิงทิ้งยิงขว้างอาจเป็นความผิดพลาดครั้งใหญ่ก็ได้ ในบางครั้งอาจต้องยิงเพื่อกดดันคนร้ายไม่ให้ทำการยิงตอบโต้มาก็ต้องทำการยิงที่เร็วขึ้น

มีหลายวิธีที่สามารถทำการยิงหลังที่กำบัง ไม่ว่าจะเป็นท่ายืน ท่านั่ง ท่านอน เป็นสิ่งที่ควรเรียนรู้และฝึกฝนโดยอาศัยหลักการข้างต้น

TAS สอนการยิงปืนหลังที่กำบัง เพื่อเพิ่มพูนทักษะให้กับผู้รับการฝึกได้สามารถใช้อาวุธปืนอย่างมีประสิทธิภาพสูงสุด

เรียบเรียงโดย Batman

Thursday, December 10, 2009

Gun Aiming














Gun Aiming

เมื่อกระสุนพุ่งผ่านลำกล้องปืนออกไปจะเดินทางเป็นเส้นตรงอยู่ระยะหนึ่งหลังจากนั้นจะเริ่มโค้งต่ำลงจนตกกระทบพื้น ความแม่นยำของการยิงปืนโดยทั่วไปก็อยู่ที่เป้าหมายควรอยู่ในระยะที่กระสุนยังวิ่งเป็นเส้นตรง (ไม่รวมถึงการยิงปืนไรเฟิ่ลระยะไกล ซึ่งต้องมีการคิดคำนวณหลายปัจจัยในการเล็ง เช่น ระยะห่างของเป้า ความเร็วของกระสุน ความเร็วลม การหมุนของโลก เป็นต้น)

หากเป็นไปได้การเล็งปืนที่ดีที่สุดคือ การมองผ่านภายในลำกล้องปืนไปยังเป้าหมายเบื้องหน้าซึ่งเป็นแนวที่กระสุนจะวิ่งผ่านไปยังเป้าหมาย แต่ในความเป็นจริงไม่สามารถทำเช่นนั้นได้เราจึงต้องใช้ศูนย์ปืนซึ่งอยู่นอกลำกล้องปืนในการเล็ง

ทฤษฏีการเล็งปืนเป็นรูปแบบของสามเหลี่ยมมุมฉาก โดยฐานของสามเหลี่ยมเป็นแนวลำกล้องปืนซึ่งวิถีกระสุนจะวิ่งเป็นเส้นตรงไปยังเป้าหมายซึ่งตั้งอยู่ที่ปลายสามเหลี่ยมที่ฐาน ด้านมุมฉากเป็นความสูงของศูนย์ปืนโดยด้านที่วิ่งจากยอดสามเหลี่ยมไปยังปลายสามเหลี่ยมที่ฐานนั้นเปรียบเหมือนแนวเล็งจากศูนย์ปืน

จะเห็นได้ว่าแนวเล็งกับแนวลำกล้องปืนไม่ใช่เป็นแนวเดียวกันแต่จะตัดกัน ณ จุดหนึ่งซึ่งก็คือ เป้าหมายที่เราต้องการยิงนั้นเอง ดังนั้นในการตั้งศูนย์ปืนที่ระยะห่างของเป้าหนึ่งๆนั้นจะมีความแม่นยำเฉพาะที่ระยะห่างนั้นเท่านั้น เมื่อเลื่อนเป้าออกพ้นระยะที่ตั้งศูนย์ปืนเอาไว้ก็จะมีความคลาดเคลื่อนเกิดขึ้นทันที

ดังนั้นในการแข่งขันยิงปืนทั่วไปซึ่งต้องใช้ความแม่นยำสูงในการนับคะแนนโดยเฉพาะเป้ากระดาษวงกลมดำ (Bulleye target) ผู้เข้าแข่งขันจึงต้องปรับศูนย์ปืนให้เหมาะสมกับการยิงเป้าที่ระยะนั้นๆ เมื่อเปลี่ยนระยะของเป้าก็ต้องตั้งศูนย์ใหม่ ศูนย์หลังของปืนจึงมักปรับได้เพื่อให้เหมาะกับเป้าในระยะต่างๆตามที่นักยิงปืนต้องการ

แต่ปืนที่ใช้ในการยิงระบบต่อสู่นั้นมักเป็นศูนย์ใบตายหรืออาจปรับได้อย่างจำกัด (ขยับซ้าย-ขวาได้เล็กน้อย) แน่นอนว่าความแม่นยำระดับยิงเข้าจุดตรงกลางวงดำทุกนัดทุกระยะห่างคงเป็นไปไม่ได้ แต่ความคลาดเคลื่อนของตำบลกระสุนกระทบเป้านั้นไม่ห่างกันมากนัก เพราะจากทฤษฏีการเล็งข้างต้นความสูงของศูนย์เล็งและแนวลำกล้องปืนนั้นไม่ห่างกันมากนักดังนั้นด้านมุมฉากจึงสั้นมาก ส่วนด้านฐานซึ่งลากยาวไปถึงเป้าหมายจะยาวมากจนแนวเล็งกับแนวลำกล้องปืนเกือบจะเป็นแนวเดียวกัน หากเป้าหมายซึ่งมักใช้เป้าหุ่นคนอยู่ใกล้หรือไกลกว่าปลายสามเหลี่ยมที่ฐานซึ่งเป็นจุดที่แม่นยำที่สุด และเราเล็งไปที่บริเวณหน้าอกหรือลำตัวเป็นส่วนใหญ่ความคลาดเคลื่อนของตำบลกระสุนที่กระทบเป้านั้นก็ยังอยู่ในตัวเป้าหุ่นคนจึงเป็นวิสัยที่ยอมรับได้

ความได้เปรียบของศูนย์ปืนระบบต่อสู้คือ ความเรียบง่าย ความแข็งแรง เมื่อชักปืนออกจากซองหรือพกซ่อนในร่มผ้ามักไม่ติดขัด ไม่มีส่วนที่จะไปเกี่ยวขอบกางเกงหรือชายผ้าให้สะดุด ซึ่งต่างจากศูนย์ปืนแข่งขันซึ่งมีแง่มุมมากมีโอกาสเกี่ยวติดขอบผ้าขอบกางเกงได้ง่ายกว่า อีกทั้งศูนย์ปืนอาจเคลื่อนได้ง่ายกว่าด้วย

นอกจากนั้นรูปแบบการเล็งก็ยังมีความแตกต่างกัน การเล็งเป้า (Target aiming) มี 2 รูปแบบใหญ่ๆที่นิยมใช้กัน

1. ศูนย์จี้ เมื่อจัดแนวศูนย์หน้าและหลังได้แล้วก็ให้เล็งจี้ไปยังตำแหน่งที่ต้องการให้กระสุนถูกเป้า เป็นการจัดศูนย์ที่นิยมในการยิงปืนระบบต่อสู้ เนื่องจากความรวดเร็วในการใช้งาน แต่ไม่เป็นการง่ายนักที่จะจัดศูนย์ให้อยู่ตรงกลางเป้าได้พอดีจึงไม่เหมาะในการยิงปืนแข่งขันที่ใช้เป้าวงกลมดำ

2. ศูนย์นั่งแท่น เมื่อจัดแนวศูนย์หน้าและหลังได้แล้วก็ให้ฐานของเป้าหมายมาวางอยู่บนปลายยอดใบศูนย์หน้า เป็นการจัดศูนย์ที่นิยมในการยิงปืนเป้าวงกลมดำแข่งขัน เนื่องจากให้ความแม่นยำสูง จะเห็นได้ว่าแนวเล็งกับแนวที่กระสุนกระทบเป้านั้นเป็นคนละแนวกัน จึงถือเป็นการเล็งเผื่อให้กระสุนตกสูงกว่าที่เล็งไว้ ดังนั้นเป้าวงกลมดำที่มีขนาดเล็กหรือใหญ่ต่างกันก็ต้องจัดศูนย์ใหม่ทุกครั้งเพื่อให้กระสุนเข้าตรงกลางแม้เป้าจะห่างเท่ากันก็ตาม แต่เนื่องจากความง่ายในการจัดศูนย์แบบนี้ทำให้มีความแม่นยำสูง แต่ก็เสียเวลามากกว่าการจัดแบบศูนย์จี้

นักยิงปืนแข่งขันเป้าวงกลมหลายคนมักหลับตาข้างไม่ถนัดเพื่อให้ง่ายในการเล็ง แต่ในการยิงปืนระบบต่อสู้นั้นเราจะเปิดตาทั้งสองข้าง เพื่อสามารถประเมินสถานการณ์เบื้องหน้าได้ตลอดและใช้ตาข้างถนัดในการเล็งปืน

การยิงต่อสู้ในระยะต่ำกว่า 7 หลามักใช้การยิงด้วยสัญชาติญาณโดยมองผ่านศูนย์หลัง ศูนย์หน้า แล้วจี้ไปที่เป้าหมายและทำการเหนี่ยวไกได้เลย (อาจมองศูนย์หน้าชัดหรือเป้าหมายชัดก็ได้) แต่หากเป้าหมายอยู่ไกลกว่าระยะดังกล่าว และจำเป็นต้องยิงก็ควรใช้การเล็งละเอียดจะให้ความแม่นยำมากกว่า หรือเราอยู่ในที่กำบังซึ่งปลอดภัยและไม่จำเป็นต้องรีบร้อนทำการยิงก็สามารถเล็งละเอียดได้

มีการออกแบบศูนย์หน้าและหลังระบบต่อสู้ที่หลากหลายเพื่อให้ง่ายต่อการจัดศูนย์ อีกทั้งมีศูนย์ปืนเรืองแสง (Night sight) สำหรับยิงกลางคืน เพื่อให้ง่ายในการเห็นศูนย์ในภาวะแสงต่ำ

TAS สอนให้เล็งปืนแบบศูนย์จี้และเปิดตาทั้งสองข้างขณะยิงปืน เพื่อให้ผู้รับการฝึกคุ้นเคยกับการยิงปืนระบบต่อสู้

สุดท้ายนี้ทุกครั้งที่จับปืนขอให้มี “สติ”

เรียบเรียงโดย Batman


Newcastle limousines