Monday, April 27, 2009

Bump Fire














Bump Fire

หลายคนคงเคยเห็นภาพยนตร์ฮอลลีวูดแนวบู๊ล้างผลาญที่ตัวเอกของเรื่องถือปืนสั้นกึ่งอัตโนมัติมีซองกระสุนยาวเป็นพิเศษแต่กลับสามารถยิงแบบอัตโนมัติราวกับปืนกลได้ ในความเป็นจริงแล้วปืนกลอัตโนมัติไม่ว่าจะเป็นปืนสั้นหรือปืนยาวรัฐบาลทั่วโลกส่วนใหญ่ถือเป็นอาวุธสงครามห้ามประชาชนครอบครอง มีบริษัทในสหรัฐอเมริกาผลิตปืนสั้นอัตโนมัติไม่กี่รายและมักผลิตออกมาไม่มากนัก เนื่องจากปืนสั้นอัตโนมัติเหล่านี้มีข้อจำกัดในด้านประสิทธิภาพหลายประการจึงทำให้ไม่นิยม

เมื่อประชาชนครอบครองปืนเหล่านี้ไม่ได้ก็ต้องใช้ในแวดวงทหารหรือตำรวจเท่านั้น ซึ่งในแง่ของทหารแล้วอาวุธประจำกายเป็นปืนกลยาว โดยปืนสั้นมักเป็นปืนสำรองใช้ในยามที่อาวุธประจำกายไม่สามารถใช้งานต่อไปได้ไม่ว่าจะเป็นปืนติดขัดหรือกระสุนหมดก็ตาม การยิงต่อสู้ในภาวะสงครามอาจมีระยะเวลายาวนานถ้าปืนสำรองถูกยิงจนหมดในเวลาไม่กี่วินาทีและยังไม่สามารถผ่านสถานการณ์วิกฤตออกมาได้คงเป็นฝันร้ายของทหารอย่างแน่นอน

ในกรณีของตำรวจแม้จะใช้ปืนสั้นเป็นอาวุธประจำกายเป็นส่วนใหญ่ เนื่องจากการยิงต่อสู้มักเกิดขึ้นในระยะใกล้ในเขตเมืองซึ่งอาจมีผู้คนมากมาย ถ้าใช้ปืนสั้นอัตโนมัติซึ่งเมื่อยิงออกไปแล้วกลุ่มกระสุนกระจายออกไปมากก็มีโอกาสพลาดไปถูกผู้บริสุทธิ์คนอื่นได้ ดังนั้นปืนสั้นอัตโนมัติจึงไม่ใช่ตัวเลือกที่ดีนัก

สำหรับประชาชนทั่วไปแล้วมีวิธีที่สามารถทำปืนกึ่งอัตโนมัติในมือให้มีการยิงลักษณะ “คล้าย” ปืนกลอัตโนมัติได้ เรียกว่า Bump fire ถ้าแปลตามตัวคงหมายถึง การยิงกระแทก โดยอาศัยเทคนิคการยิงบางอย่าง (มีหลายวิธี สำหรับปืนสั้นอาจใช้วิธีกำด้ามปืนด้วยมือข้างถนัด โดยนิ้วที่ใช้กดไกปืนจะเป็นนิ้วโป้งของมืออีกข้าง) หรือใช้อุปกรณ์เสริมช่วยให้ปืนกึ่งอัตโนมัติสามารถทำการยิงออกไปเป็นชุดได้คล้ายกับยิงจากปืนอัตโนมัติ สิ่งที่แตกต่างก็คือ ในปืนกลอัตโนมัติเมื่อเรากดไกปืนค้างไว้กระสุนจะถูกยิงออกไปเป็นชุดอย่างต่อเนื่องสม่ำเสมอจนกว่าเราจะคลายไกปืนหรือกระสุนหมดการยิงจึงหยุด แต่การยิง Bump fire จากปืนกึ่งอัตโนมัติอาศัยแรงถอยหลังของปืนในการทำให้การยิงมีความรวดเร็วขึ้นบางครั้งอาจไม่ต่อเนื่องและไม่สม่ำเสมอ

แต่ก่อนนั้นในสหรัฐอเมริกาอุปกรณ์เสริมที่ทำให้ปืนกึ่งอัตโนมัติสามารถยิง Bump fire ได้มีขายในบางรัฐ ปัจจุบันอุปกรณ์เสริมเหล่านี้ถือเป็นสิ่งผิดกฎหมาย

เราสามารถยิง Bump fire ได้ทั้งจากปืนสั้นหรือปืนยาวกึ่งอัตโนมัติ เสียงปืนที่ได้จากการยิงมีความเร้าใจเนื่องจากคล้ายกับการยิงจากปืนกลอัตโนมัติ ดังนั้นจึงนิยมยิงเล่นเสียมากกว่าที่จะนำมาใช้งานจริง

ปืนสั้นที่ทำงานแบบ “อัตโนมัติเต็มรูปแบบ” ซึ่งผลิตจากโรงงานโดยตรงมีจำนวนไม่มาก บางส่วนก็เป็นการดัดแปลงโดยช่างปืนเอง ส่วนหนึ่งนำมาใช้เฉพาะในอุตสาหกรรมภาพยนตร์ที่ยิงกันชนิดไม่มีคำว่ากระสุนหมด นอกจากนั้นประสิทธิภาพจากการยิงปืนสั้นอัตโนมัติต่ำกว่าปืนกลอัตโนมัติอย่างเทียบกันไม่ได้ โดยเฉพาะเมื่อนำปืนกึ่งอัตโนมัติมายิงด้วยวิธี Bump fire แล้วประสิทธิภาพและคุณภาพการยิงยิ่งแย่เข้าไปใหญ่ จึงไม่เหมาะอย่างยิ่งในการนำมาใช้ในการยิงต่อสู้ที่มีชีวิตเป็นเดิมพัน

ปืนสั้นเมื่อนำมายิงด้วยวิธี Bump fire แม้บรรจุกระสุนเต็มซองกระสุนก็อาจยิงหมดได้ภายในเวลาสองถึงสามวินาทีเท่านั้นเอง บางคนอาจใช้ซองกระสุนที่บรรจุได้มากเป็นพิเศษก็ยังยิงหมดได้ในเวลาไม่กี่วินาที หากนำมาใช้ในสถานการณ์จริงเมื่อยิงจนกระสุนหมดและยังไม่สามารถยับยั้งภัยคุกคามเบื้องหน้าได้หรือกระสุนพลาดไปถูกคนอื่นคงเป็นสิ่งที่ทุกคนไม่อยากให้เกิดขึ้น

ปืนสั้นกึ่งอัตโนมัติโดยพื้นฐานแล้วไม่ได้ถูกออกแบบมาให้ยิงแบบอัตโนมัติ ไม่ใช่เพราะทำไม่ได้แต่เพราะข้อจำกัดบางประการ อย่างแรกปืนสั้นกึ่งอัตโนมัติมีขนาดเล็กและเบากว่าปืนกลมาก เมื่อทำการยิงเป็นชุดในระบบอัตโนมัติด้วย “กระสุนจริง” เป็นการยากที่จะควบคุมปืนให้เกิดกลุ่มกระสุนที่มีคุณภาพดีได้ นอกจากนั้นซองกระสุนปืนสั้นมักบรรจุได้สิบกว่านัดเท่านั้นเองแม้จะนำซองกระสุนที่บรรจุได้เพิ่มขึ้นอีกก็ไม่มากนัก เมื่อยิงในระบบอัตโนมัติจะหมดอย่างรวดเร็ว ในสถานการณ์จริงกลุ่มกระสุนที่ยิงออกไปไม่ดีแถมกระสุนหมดอย่างรวดเร็วคงไม่ใช่เรื่องดีอย่างแน่นอน แต่ถ้าเป็นปืนกลทั่วไปซองกระสุนบรรจุได้มากกว่าปืนสั้นอย่างเทียบกันไม่ติด ปืนกลบางชนิดมีสายพานกระสุนที่ยิงได้เป็นร้อยเป็นพันนัดทีเดียว

ดังนั้นปืนสั้นจึงเหมาะที่จะยิงแบบกึ่งอัตโนมัติมากกว่า แต่ละนัดที่ยิงออกไปต้องให้ความสำคัญไม่ยิงทิ้งยิงขว้าง Bump fire จึงไม่เหมาะที่จะนำมาใช้ในการยิงต่อสู้อย่างยิ่ง

TAS สอนการยิงปืนที่ได้รับการยอมรับว่ามีประสิทธิภาพสูงในเชิงการยิงต่อสู้เพื่อปกป้องชีวิตและทรัพย์สิน ทุกนัดที่ยิงออกไปต้องมีคุณภาพ ผู้รับการฝึกสามารถใช้เป็นพื้นฐานในการฝึกฝนต่อไปจนเกิดความชำนาญ
สุดท้ายนี้ทุกครั้งที่จับปืนขอให้มี “สติ”

เรียบเรียงโดย Batman

Tuesday, April 7, 2009

Speed Rock Position











Speed Rock position

Speed rock position หรือ Shooting from retention เป็นท่ายิงในระยะประชิด (ห่างประมาณ 2 – 3 หลา) เป็นท่าที่มีความรวดเร็วในการยิงสูง มักใช้ในกรณีที่ภัยคุกคามอยู่ในระยะใกล้มาก เช่น มีคนร้ายถือมืดอยู่ห่างไปไม่กี่ก้าวในขณะที่เรามีปืนอยู่ในมือหรือเหน็บไว้ที่เอว เมื่อคนร้ายจู่โจมเรามีเวลาเพียงเสี้ยววินาทีในการเอาตัวรอดและทำการตอบโต้ (คนร้ายอาจก้าวเพียงหนึ่งหรือสองก้าวก็ถึงตัวเราแล้ว)

ข้อได้เปรียบของปืนเมื่อเทียบกับมีด คือ ปืนสามารถทำอันตรายได้ในระยะที่ไกลกว่า ดังนั้นสิ่งแรกที่ควรทำเมื่อถูกจู่โจมด้วยมีด คือ การสร้างระยะห่าง

คนส่วนใหญ่มักถอยหลังออกห่างจากคนร้ายตรงๆ ซึ่งเป็นวิธีที่มักล้มเหลวเพราะคนร้ายสามารถก้าวตามมาได้ทันอย่างไม่ยากนัก วิธีที่ดีที่สุดคือการฉากหลบออกด้านข้างไม่ว่าจะเป็นซ้ายหรือขวา การทำเช่นนี้ทำให้คนร้ายต้องโยกตัวตามมา เราจึงมีเวลามากพอที่จะสร้างระยะห่างได้เพียงพอ

ลำดับต่อไป คือ การป้องกันการจู่โจมของมีด ซึ่งมีหลายท่าที่สามารถใช้ได้ มีอยู่วิธีหนึ่งที่ง่ายและได้ผลดีคือ การเหวี่ยงมือข้างไม่ถนัดของเราไปยังแขนข้างที่ถือมีดของคนร้ายโดยตำแหน่งที่ปัดแขนให้อยู่ระหว่างข้อมือกับข้อศอกของคนร้าย ออกแรงปัดมากพอจนแนวมีดเฉียงออกจากตัวเรา

เตรียมอาวุธของเราให้พร้อมใช้งาน ในกรณีเช่นนี้เราไม่ต้องเล็งเป้าหมายผ่านศูนย์ปืนให้ยิงโดยอาศัยสัญชาติญาณ ถ้าคนร้ายมีความชำนาญในการใช้มีด หากเรายื่นปืนออกไปคนร้ายอาจใช้มีดทำอันตรายมือหรือแขนข้างที่ถือปืนของเราได้ อีกทั้งอาจแย่งปืนไปจากเราได้อย่างไม่ยากนัก ดังนั้นการถือปืนจึงควรถือให้ชิดลำตัวมากที่สุดใกล้กับชายโครงข้างที่ถือปืน ปากกระบอกปืนชี้เข้าหาเป้าหมายและทำการยิงในท่านี้ได้เลย มีท่าการยิงหลายท่าซึ่งสามารถใช้ได้แต่ที่ดีที่สุดก็คือ ท่า Speed rock

Speed rock ทำโดยมือข้างไม่ถนัดทำหน้าที่ป้องกันอาวุธของคนร้าย ขณะที่เท้าข้างเดียวกับมือที่ถือปืนถอยหลังไปเล็กน้อย ถือปืนใกล้ลำตัวบริเวณชายโครงล่าง สำหรับปืนกึ่งอัตโนมัติบางคนอาจเอียงปืนเล็กน้อยเพื่อป้องกันสไลด์กระแทกขณะที่ทำการยิง

ในสถานการณ์จริงการเผชิญหน้าระหว่างปืนกับมีดในระยะประชิดเช่นนี้ ส่วนใหญ่แล้วเรามักได้รับบาดเจ็บจากมีดซึ่งบางครั้งก็อาจอันตรายถึงชีวิต แต่ถ้าเรารู้จักการเคลื่อนที่หลบออกทางด้านข้าง ซึ่งเป็นคนละทิศทางกับที่คนร้ายพุ่งจู่โจมเข้ามาและทำการยิง Speed rock ได้อย่างรวดเร็วแล้วเราก็จะสามารถสยบคนร้ายได้อย่างไม่ยากนัก

เหตุผลที่ให้หลบออกด้านข้างเพราะเมื่อคนร้ายพุ่งเข้าหาอย่างรวดเร็ว เราฉากหลบออกด้านข้างและคนร้ายต้องการหยุดตัวเขาเองเพื่อจะติดตามเราเป็นสิ่งที่ไม่ง่ายนัก เพราะแรงที่กระทำต่อน้ำหนักตัวคนร้ายเองยังคงพุ่งไปข้างหน้าเปิดโอกาสให้เรามีเวลาตั้งตัว

จะเห็นได้ว่า Speed rock มีความใกล้เคียงกับการยิงระดับเอว (Hip shooting) มาก แตกต่างในรายละเอียดเล็กน้อย ดังนั้นผู้ที่ยิงระดับเอวได้ก็สามารถฝึกยิง Speed rock ได้ไม่ยากเย็นนัก

TAS สอนการยิงปืนระดับเอวตั้งแต่ TAS force 1 และแทคติกอีกมากซึ่งเราสามารถเลือกใช้ให้เหมาะสมกับสถานการณ์ได้

สุดท้ายนี้ทุกครั้งที่จับปืนขอให้มี “สติ”

เรียบเรียงโดย Batman
อ้างอิงเนื้อหาบางส่วนจากบทความเรื่อง Sharp Defense โดย Larry Pomykalski

K.I.S.S. principle



K.I.S.S. principle

นาย Clint Smith กล่าวถึงการฝึกยิงปืนของเจ้าหน้าที่รักษากฎหมายแห่งหนึ่งในรัฐมิสสุรี (Missouri) โดยครูฝึกให้ผู้รับการฝึกเคลื่อนที่เข้าหาเป้าหมายขณะที่มีผู้รับการฝึกอีกคนคอยยิงกระสุนจริงคุ้มกัน (Cover) อยู่ด้านหลัง ซึ่งดูแล้วน่าหวาดเสียวเพราะกระสุนวิ่งเฉียดศีรษะของผู้รับการฝึกที่อยู่ข้างหน้า


ผู้รับการฝึกคนหนึ่งถามครูฝึกว่า ทำไมถึงให้ฝึกเช่นนี้ เขาได้รับคำตอบว่า การเคลื่อนที่ไปข้างหน้าท่ามกลางห่ากระสุนจะทำให้ผู้รับการฝึกสามารถปรับตัวกับการยิงปืนได้ เหมือนอย่างที่จะได้พบจากการต่อสู้ในสถานการณ์จริง ซึ่งผู้รับการฝึกคนนั้นกลับไม่แน่ใจว่าสามารถปรับตัวกับการที่มีกระสุนปืนวิ่งเฉียดศีรษะไปอย่างนั้นได้หรือไม่


เหมือนกับครูฝึกยิงปืนสมัยใหม่ในช่วงยี่สิบถึงสามสิบกว่าปีมานี้ นาย Smith คิดว่าหน้าที่ของเขาคือสอนนักเรียนยิงปืนให้ใช้หลักการของการยิงคุ้มกันก็ต่อเมื่ออยู่ในสถานการณ์ที่เป็นอันตรายต่อชีวิตอย่างยิ่งเท่านั้น เขาจะไม่สอนให้ใครยิงปืนเฉียดผ่านศีรษะใครเป็นอันขาด เพราะคุณจะรู้ได้อย่างไรว่ามีกี่คนที่อยู่หลังคุณซึ่งมีปืนที่บรรจุกระสุนและกำลังยิงอยู่ (ไม่รู้ทั้งจำนวนคนที่กำลังยิงและทิศทางที่เขายิง)


มีการรายงานจากการฝึกของหน่วย SWAT ที่ Portland และ Fort Wayne ซึ่งมีตำรวจเสียชีวิตขณะฝึก และมีนักเรียนตำรวจหลายนายเสียชีวิตจากการถูกยิงโดยเพื่อนนักเรียนตำรวจด้วยกันในขณะฝึก ซึ่งนาย Smith เห็นว่าหากเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ ศูนย์ฝึกเหล่านั้นควรได้รับการทบทวนความผิดพลาดที่ไม่น่าจะเกิดขึ้นนี้


การฝึกแบบนี้เป็นการฝึกที่ล้าสมัยไปแล้ว ปัจจุบันการฝึกได้หันกลับมาสู่หลักพื้นฐานกันมากขึ้น แทนที่จะฝึกกันอย่างหวือหว่ายิงกระสุนผ่านศีรษะกันไปมา กลับมาฝึกกันอย่างเรียบง่ายเป็นส่วนใหญ่ อาจจะฟังดูน่าเบื่อแต่พบว่าส่วนใหญ่แล้วยังขาดความรู้และทักษะพื้นฐานในการใช้อาวุธปืนรวมทั้งการนำไปใช้ประโยชน์ ดังนั้นจึงควรเริ่มจากจุดนี้ก่อน


มีใครสังเกตว่ามีตำรวจกี่คนเสียชีวิตในปีที่ผ่านๆมา พวกเขาเสียชีวิตในสิ่งแวดล้อมเดิมๆที่พวกเขาทำงานอยู่ประจำ ในเวลาเดียวกัน ในภัยคุกคามแบบเดียวกัน เราเรียกสิ่งที่เหมือนๆกันนี้ว่า เงื่อนไขสำคัญ (Clues) ดังนั้นถ้าจะมีใครสักคนที่รู้และจับเงื่อนไขเหล่านี้ได้ก็สามารถเป็นตำรวจที่จะเอาตัวรอดได้ดี มองดูว่าตำรวจทำงานที่ไหน ตำรวจเสียชีวิตที่ไหน การฝึกอบรมก็ให้เน้นที่สถานการณ์เหล่านี้รวมทั้งแนวทางแก้ไข


ดังนั้นจึงควรหันกลับมาที่การฝึกพื้นฐานการยิงปืนให้ดี การยิงปืนอย่างปลอดภัย นาย Smith ไม่เห็นด้วยกับการฝึกยิงปืนที่มีความแปลกแหวกแนวราวกับนินจาหรือนักเล่นกลโดยมีกระสุนวิ่งเฉียดศีรษะไปมา

ให้ถือหลักที่ว่า ฝึกฝนอย่างปลอดภัย ทำงานอย่างปลอดภัย (Train safe, Work safe)


เนื่องจากการใช้อาวุธปืนในภาคประชาชน ตำรวจ และทหาร มีความแตกต่างกันทั้งในแง่ภัยคุกคามที่ประสบ อาวุธที่ใช้ สถานการณ์แวดล้อม คงไม่มีหลักสูตรการฝึกใดเพียงหลักสูตรเดียวที่เหมาะสมกับทุกสถานการณ์และทุกภาคส่วน


ทำการฝึกให้เรียบง่ายและปลอดภัย มีประสิทธิภาพ (K.I.S.S. principle: Keep It Simple, Stupid หมายถึง สิ่งที่ดีที่สุด คือ การทำอะไรให้เรียบง่ายเข้าไว้ หลีกเลี่ยงการทำสิ่งที่ยุ่งยากซับซ้อนซึ่งอาจมีโอกาสผิดพลาดได้ง่าย)


สำหรับภาคประชาชน TAS ได้คัดเลือกทักษะที่เหมาะสมและจำเป็นแก่การปกป้องชีวิตและทรัพย์สิน โดยเน้นพื้นฐานในการใช้อาวุธปืนในทุกระดับของการฝึกอบรมแม้จะเป็นการฝึกอบรมในระดับที่สูงขึ้นก็ตาม แทคติกการยิงปืนต่างๆเราสอนอยู่บนหลักการของความปลอดภัย

ในการฝึกอบรมตำรวจ TAS ยังคงเน้นที่พื้นฐานการใช้อาวุธปืนและแทคติกอีกมากที่เหมาะสมกับการปฏิบัติหน้าที่ตามภาระงานที่พวกเขาอาจต้องเผชิญ การฝึกยิงคุ้มกันเราได้ออกแบบการฝึกให้มีประสิทธิภาพและความปลอดภัยสูง

สุดท้ายนี้ทุกครั้งที่จับปืนขอให้มี “สติ”

เรียบเรียงโดย Batman
อ้างอิงเนื้อหาบางส่วนจากบทความเรื่อง Dangerous People ของ Clint Smith

Monday, April 6, 2009











Dummy handguns

Dummy handguns หมายถึง ปืนปลอม ส่วนใหญ่มีลักษณะรูปร่างเหมือนปืนจริงแต่มีสีสันที่บ่งบอกได้อย่างชัดเจนว่าเป็นปืนปลอมและแน่นอนว่าไม่สามารถยิงได้ วัสดุที่ใช้ทำมีหลายชนิดทั้งที่เป็นเหล็ก อลูมิเนียม พลาสติก ซึ่งปืนเหล่านี้ไม่ใช่ปืนเด็กเล่นที่ซื้อกันได้ทั่วไปตามท้องตลาด แต่เป็นปืนปลอมที่ทำจากโรงงานเพื่อใช้ในการฝึกสอนโดยเฉพาะ


แต่ก่อนนั้นการฝึกยิงปืนเราจะใช้ปืนจริงในการฝึกทั้งหมด ซึ่งพบว่ามีอุบัติเหตุอันไม่คาดคิดจากปืนที่ใช้ฝึกอยู่เป็นระยะๆ ไม่ว่าจะเป็นปืนตกหล่นพื้นเกิดความเสียหายหรือปืนลั่นโดยไม่ตั้งใจ เมื่อทำการสอนยิงปืนผู้ฝึกสอนมักต้องอยู่ข้างหน้าผู้รับการฝึก ดังนั้นเมื่อผู้รับการฝึกถือปืนจริงครูฝึกหรือผู้ที่อยู่ข้างหน้าผู้รับการฝึกอาจรู้สึกไม่ปลอดภัยได้ การใช้ปืนปลอมจึงเป็นทางเลือกที่เหมาะสม

ในสหรัฐอเมริกามีบริษัทที่ผลิตปืนปลอมเพื่อใช้ในการฝึก โดยปืนเหล่านี้มีมิติของตัวปืนภายนอกคล้ายปืนจริงอย่างมากและมีปืนหลายรุ่นหลายแบบให้เลือกใช้ ปืนสั้นบางรุ่นมีรางสำหรับติดศูนย์เลเซอร์หรือศูนย์ไฟฉายได้ด้วย

สำหรับผู้เริ่มต้นเรียนยิงปืนมือใหม่ซึ่งมักมีความตื่นเต้น การฝึกกับปืนปลอมก่อนถือเป็นเรื่องความปลอดภัยอย่างหนึ่ง ฝึกการถือปืน ท่าทางการยืน การเล็ง และที่สำคัญการฝึกความปลอดภัยในการใช้อาวุธปืน ซึ่งผู้รับการฝึกมือใหม่มักมีปัญหาการถือปืนในลักษณะไม่ปลอดภัย โดยอาจเผลอวาดปากกระบอกปืนไปยังคนรอบข้าง หรือเอานิ้วเข้าโกรงไกก่อนเข้าแนวยิง ดังนั้นการฝึกกับปืนปลอมจนกว่าครูฝึกจะแน่ใจได้ว่าผู้รับการฝึกจะสามารถใช้ปืนได้อย่างปลอดภัยแล้วจึงค่อยให้ฝึกกับปืนจริงจึงเป็นเรื่องสำคัญ

การฝึกชักปืนออกจากซองปืน บ่อยครั้งที่แม้จะเป็นการฝึกของตำรวจหรือประชาชนจะมีการตกหล่นของปืนซึ่งทำให้ปืนเกิดความเสียหายได้ นอกจากนั้นถ้าใช้ปืนจริงที่ใส่กระสุนแล้วหากปืนนั้นตกพื้นก็อาจเกิดกระสุนลั่นออกไปได้ถ้าปืนนั้นไม่มีระบบป้องกันกระสุนลั่นขณะตกพื้น (Drop-safety) อย่างดี ดังนั้นการฝึกกับปืนปลอมก่อนจนเกิดความชำนาญจึงเป็นสิ่งจำเป็น

การปรับรูปร่างซองปืนให้เหมาะกับปืนที่จะใส่ประจำโดยเฉพาะซองหนัง มีคำแนะนำว่าควรทำให้ซองหนังเปียกน้ำก่อนแล้วนำปืนมาใส่ในซองให้แน่นเพื่อให้ซองหนังปรับรูปร่างกระชับกับปืนและทิ้งไว้ข้ามคืน แม้ว่าจะทำการทาปืนด้วยน้ำมันแล้วก็ตามก็ยังอาจเกิดสนิมขึ้นได้ การใช้ปืนปลอมสามารถช่วยแก้ปัญหานี้ได้

ปืนปลอมที่มีส่วนประกอบของปืนจริงบางส่วนอยู่ไม่เหมาะสำหรับการใช้งานที่หนักหน่วง โดยเฉพาะเมื่อใช้ในการเรียนเกี่ยวกับการจับปืนและการปลดอาวุธปืนด้วยมือเปล่า ซึ่งปืนจะได้รับการกระแทกหรือตกหล่นจนส่วนที่เป็นโลหะเกิดความเสียหายหรือปืนแตกหักได้ง่าย

ปืนเด็กเล่นเป็นตัวเลือกที่แย่เพราะขนาดของปืนไม่ได้สัดส่วนที่ถูกต้อง ปืนอาจไม่กระชับกับซองปืน และในการเรียนการจับปืนหรือการปลดอาวุธปืนด้วยมือเปล่าอาจทำให้ปืนแตกหักได้ง่ายแม้ปืนจะทำจากโลหะก็ตาม (มักเป็นโลหะที่ไม่แข็งแรง)

ส่วนปืนลม (Airsoft) แม้จะมีสัดส่วนเหมือนปืนจริงทุกประการ แต่โครงสร้างปืนก็ยังไม่เหมาะสำหรับการฝึกถือปืนและการปลดอาวุธปืนด้วยมือเปล่า ปืนลมอาจเหมาะที่จะทำการปรับรูปซองปืน การฝึกจับปืน การฝึกท่าทางการยิง

เมื่อได้ลองฝึกกับปืนปลอมเหล่านี้แล้วจะรู้ว่ามันมีประโยชน์มากแค่ไหน นอกจากปืนสั้นแล้วยังมีปืนยาวอีกหลายรุ่นหลายแบบให้เลือกใช้อีกด้วย เช่น AR-15, MP-5 sub machinegun, Ruger Mini-14 และ Remington 870 ลำกล้อง 20 นิ้ว

ปืนปลอมเหล่านี้มักมีสีที่แตกต่างจากปืนจริงอย่างเห็นได้ชัดเจน ครูฝึกสามารถเห็นได้ถนัดว่าผู้รับการฝึกใช้ปืนปลอมอยู่ ทำให้เกิดความสบายใจและความปลอดภัยในขณะฝึก

TAS จะสอนพื้นฐานการยิงปืนด้วยการฝึกกับปืนปลอมก่อน จนครูฝึกมั่นใจในความปลอดภัยแล้วจึงให้ฝึกกับปืนจริงเป็นลำดับต่อไปภายใต้การดูแลอย่างใกล้ชิดของคณะครูฝึก

สุดท้ายนี้ทุกครั้งที่จับปืนขอให้มี “สติ”

เรียบเรียงโดย Batman
อ้างอิงเนื้อหาบางส่วนจากบทความเรื่อง Dummy handguns for dummies ของ Massad Ayoob

Newcastle limousines