Thursday, June 30, 2011

Ricochet Bullets

Ricochet Bullets

เราคงเคยเล่นโยนก้อนหินให้กระดอนบนผิวน้ำ นั้นแสดงให้เห็นว่าวัตถุแข็งซึ่งโดยปกติจะสามารถทะลุผ่านพื้นผิวที่อ่อนกว่าไปได้ แต่ในมุมที่เหมาะสมพื้นผิวนั้นสามารถสะท้อนวัตถุแข็งนั้นออกไปได้

กระสุนปืนก็เช่นเดียวกันหากถูกยิงไปยังพื้นผิววัตถุแข็งหรือผิวน้ำ ก็อาจถูกสะท้อนออกไปได้เช่นกัน ในกรณีของกระสุนปืนที่ตกกระทบวัตถุที่มีพื้นผิวแข็ง กระสุนอาจแตกออกเป็นสะเก็ด (Fragmentation) หรือ สะท้อนออกไปทั้งนัดโดยไม่แตกออก (Ricochet bullet)

ไม่ว่ากระสุนนั้นจะแตกออกเป็นสะเก็ดหรือสะท้อนออกไปทั้งนัดก็ยังสามารถทำอันตรายคนได้ตั้งแต่บาดเจ็บเล็กน้อยจนถึงเสียชีวิต ปัจจัยที่มีผลต่อการสะท้อนของกระสุนประกอบด้วย มุมตกกระทบวิกฤติ (Critical angle) ธรรมชาติของพื้นผิว โครงสร้างของกระสุนปืน และความเร็วของกระสุนปืน

กระสุนหัวกลม (Round nose bullets) มีแนวโน้มที่จะสะท้อนได้ง่ายกว่ากระสุนหัวตัด (Flat-nose) ในกรณีของกระสุน Full-metal jacket (FMJ) มีโอกาสสะท้อนมากกว่ากระสุนหัวตะกั่วล้วน ส่วนกระสุนที่มีความเร็วต่ำมีโอกาสสะท้อนได้มากกว่ากระสุนที่มีความเร็วสูง

กระสุนที่ตกกระทบพื้นผิวมากกว่ามุมตกกระทบวิกฤติ กระสุนมักจะทะลุผ่านพื้นผิวนั้นหรือไม่ก็แตกออกเป็นสะเก็ด ในกรณีที่สะเก็ดกระสุนมีขนาดใหญ่มักจะมีลักษณะบานออกคล้ายพัด (Fan-shaped) ขนานไปกับพื้นผิวนั้น

มุมตกกระทบวิกฤติอาจมีค่าแตกต่างกันได้ขึ้นกับหลายปัจจัย เช่น ชนิดของวัตถุพื้นผิว ชนิดและขนาดกระสุนปืน ความเร็วของกระสุนปืน เป็นต้น

ในกรณีของการยิงกระสุนกระทบผิวน้ำพบว่ามุมตกกระทบวิกฤติส่วนใหญ่จะเป็นมุมแคบๆประมาณ 3 ถึง 8 องศา หากมุมตกกระทบผิวน้ำตั้งแต่ 15 องศาขึ้นไปกระสุนปืนมักทะลุผ่านผิวน้ำลงไป หากกระสุนสะท้อนออกจากผิวน้ำมักมีมุมที่มากกว่ามุมตกกระทบประมาณ 2 ถึง 3 เท่า และการเคลื่อนที่ของกระสุนที่สะท้อนออกมาจะขาดเสถียรภาพ

ในกรณีของกระสุนที่สะท้อนออกจากพื้นผิวแข็งนั้น พบว่ากระสุนมักสะท้อนออกมาในมุมที่น้อยกว่ามุมตกกระทบ กระสุนไม่มีความเที่ยงตรง ทิศทางไม่แน่นอนและหมุนขว้าง

มีการศึกษาซึ่งทำโดยการยิงกระสุนปืน Full metal jacketed ขนาด 9 ม.ม. (115 เกรน) และกระสุนขนาด .45 ACP (230 เกรน) ไปยังแผ่นคอนกรีตหนา 5 ม.ม. กับ แผ่นเหล็กหนา 6 ม.ม. ที่มุมตกกระทบตั้งแต่ 10 ถึง 60 องศา พบว่าในกรณีของแผ่นคอนกรีตหากมุมตกกระทบมากกว่า 30 องศา กระสุนปืนจะแตกออกเป็นสะเก็ด และที่มุมตกกระทบน้อยกว่า 30 องศา กระสุนจะสะท้อนออกไปทั้งนัด

ในกรณีของแผ่นเหล็กมุมตกกระทบวิกฤติสำหรับกระสุน 9 ม.ม. จะน้อยกว่ามุมจากแผ่นคอนกรีตประมาณ 5 องศา สำหรับกระสุน .45 ACP จะน้อยกว่ามุมจากแผ่นคอนกรีตประมาณ 4 องศา นอกจากนั้นพบว่ากระสุนที่สะท้อนออกมายังคงมีพลังงานสะสมอยู่มาก เช่น หากมุมตกกระทบน้อยกว่า 30 องศา ซึ่งกระสุนมักสะท้อนออกไปทั้งนัดนั้นจะยังคงมีพลังงานเหลือประมาณ 75 เปอร์เซ็นต์ ในมุมตกกระทบที่มากกว่า 30 องศา พลังงานของกระสุนปืนจะลดลงเรื่อยๆตามมุมตกกระทบที่มากขึ้น เช่น เหลือประมาณ 20 เปอร์เซ็นต์ ในมุมตกกระทบที่ 50 องศา

กระสุนปืนซึ่งสะท้อนออกมานั้นจะหมุนขว้างตลอดทางที่เคลื่อนที่ผ่านอากาศออกไปทำให้คาดการณ์ทิศทางได้ยาก แต่ก็ยังอาจมีพลังงานมากพอที่จะทำอันตรายต่อคนได้ ดังนั้นในการยิงปืนหลังที่กำบังหรือการเคลื่อนที่ผ่านกำแพงที่มีพื้นผิวแข็งในขณะที่มีการยิงต่อสู้ เราต้องระวังอันตรายจากกระสุนปืนที่สะท้อนออกมาจากพื้นผิวเหล่านั้นด้วย

เราจึงมักแนะนำให้ยืนห่างจากที่กำบังประมาณ 1 ช่วงแขน และในขณะเคลื่อนที่ผ่านกำแพงก็ควรห่างจากกำแพงอย่างน้อย 1 ฟุต (กระสุนปืนเมื่อสะท้อนออกจากกำแพงส่วนใหญ่มักเคลื่อนที่ในมุมที่ขนานไปกับพื้นผิวกำแพงและมักห่างไม่เกิน 1 ฟุต)

สุดท้ายนี้ทุกครั้งที่จับปืนขอให้มี “สติ”

                                                                                                เรียบเรียงโดย Batman

                                                                        อ้างอิงเนื้อหาบางส่วนจากบทความเรื่อง Ricochet Bullets ของ Vincent J.M. Di Maio

The General Election (Something missing)

The General Election (Something missing)

ในวันที่ 3 ก.ค.54 นี้อยากเชิญชวนให้ทุกท่านออกไปใช้สิทธิใช้เสียงตามระบบประชาธิปไตย หลายคนคงคิดว่าวิกฤติการเมืองครั้งนี้เป็นความแตกแยกของพรรคการเมือง แต่ในความเห็นส่วนตัวแล้ววิกฤติครั้งนี้เป็น "วิกฤติของจิตสำนึกของทุกคนในชาติ” ไม่ใช่ความรับผิดชอบของนักการเมืองเพียงอย่างเดียว

เมื่อเกิดความขัดแย้งอย่างรุนแรงในสังคมก็เปรียบเสมือนลูกตุ้มที่แกว่งไปด้านใดด้านหนึ่งมากเกินไป การจะแก้ไขให้ลูกตุ้มแกว่งกลับมาอยู่ตรงกลางได้นั้นก็ต้องกลับมาคิดกันว่า “อะไรที่ขาดหายไปจากสังคมของเรา”

ถ้าความเป็นธรรมในสังคมหายไปก็ต้องคืนความเป็นธรรมให้กลับมา ถ้าคิดว่าระบบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุขควรมีเพียง 3 อำนาจหลักเพื่อใช้ถ่วงดุลกัน (บริหาร, นิติบัญญัติ, ตุลาการ ซึ่งปัจจุบันทั้งสามขานี้อ่อนแออย่างมาก) เราก็ควรรู้ว่าอำนาจทั้งสามนี้ควรทำหน้าที่อย่างตรงไปตรงมา ส่วนอำนาจอื่นๆนอกเหนือจากสามขาหลักนั้นเราก็ไม่ควรยอมรับบทบาท ถ้าเราคิดว่าการที่คนไทยฆ่ากันเองเพราะความคิดเห็นที่แตกต่างเป็นเรื่องปกติยอมรับได้ เราก็ควรพิจารณาตัวเองว่าจิตสำนึกความเป็นคนไทยของเราหายไปไหน ถ้าเราคิดว่าการดำเนินการนอกระบบระเบียบที่สังคมยอมรับเป็นสิ่งที่ดี เราก็ต้องเปลี่ยนความคิดเสียใหม่ ถ้าเราคิดว่าทหารซึ่งควรเป็นรั่วของชาติกลับหันปากกระบอกปืนมายังประชาชนซึ่งเป็นคนที่พวกเขาควรปกป้องนั้นเป็นเรื่องที่ยอมรับได้ เราก็ควรคิดเสียใหม่ว่านานาประเทศที่เจริญแล้วเขาคิดอย่างเราหรือไม่ ถ้าเราไม่รู้ว่าหน้าที่ของผลเมืองที่ดีนั้นต้องทำอะไรบ้าง สังคมก็คงเดินหน้าต่อไปได้ลำบาก

ถ้าเราคิดว่าการเลือกตั้งเป็นจุดจบของปัญหา ก็ควรคิดเสียใหม่ว่ามันอาจเป็นจุดเริ่มต้นของปัญหาใหม่ๆ ตราบใดที่ “เราทุกคนไม่รู้ว่าอะไรหายไปจากสังคมของเราและไม่สามารถนำมันกลับมาได้”



สุดท้ายนี้ขอให้ใช้ “สติ” ในการดำเนินชีวิตและแก้ไขปัญหาของชาติ

                                                                                                                     Batman

Monday, June 27, 2011

Supine Shooting Position

Supine Shooting Position


ในการฝึกยิงปืนตามมาตรฐานนั้นนอกจากมีท่ายืนยิง นั่งยิง นอนคว่ำยิง (Prone position) ยังต้องรวมไปถึงท่านอนหงายยิงเป้าหมาย (Supine position) ด้วย โดยทั่วไปเป็นการยิงเป้าหมายซึ่งอยู่ทางด้านปลายเท้า


ในท่านอนหงายหากต้องการยิงเป้าหมายทางด้านข้างมักใช้การตะแคงตัวไปด้านเดียวกับเป้าหมายเพื่อทำการยิง แต่ในบางครั้งในท่านอนตะแคงก็สามารถยิงเป้าหมายที่อยู่ด้านปลายเท้าได้เช่นกัน


โดยทั่วไปมี 2 วิธีที่นิยมสอนกันในการยิงท่านอนหงาย


-          ชันเข่าทั้งสองขึ้น ผู้ยิงต้องชันเข่าทั้งสองขึ้นแยกออกจากกันเล็กน้อย กระดกศีรษะขึ้นเพื่อทำการเล็ง และเหยียดแขนสองข้างออกตึงถือปืนอยู่ระหว่างขาทั้งสองข้าง ต้องระวังไม่ให้ยิงถูกขาของตัวเอง และเข่าทั้งสองข้างอาจบดบังมุมมองทั้งสองด้านของเป้าหมาย


-          ไม่ชันเข่าขึ้น ทำเหมือนวิธีแรกทุกอย่างแต่ไม่ชันเข่าขึ้น ต้องระวังไม่ให้ยิงถูกปลายเท้าของตัวเอง


ในการล้มหงายหลังแล้วทำการยิง เราต้องรู้วิธีล้มอย่างถูกต้องเพื่อไม่ให้บาดเจ็บและยังสามารถทำการยิงตอบโต้ได้ และควรเรียนวิธีการเปลี่ยนท่ายิงจากนอนแล้วลุกขึ้นนั่งยิงและยืนยิงตามลำดับอย่างต่อเนื่อง


อาจมีท่ายิงอื่นซึ่งแตกต่างจากที่กล่าวมาข้างต้นอยู่บ้างแต่ก็ไม่มากนัก ในการฝึกยิงปืนในท่านอนนั้นอาจใช้การซ้อมท่าด้วยปืนเปล่า โดยเริ่มจากนอนคว่ำเล็งปืนไปยังเป้าหมายซึ่งอยู่ข้างหน้า แล้วจิตนาการว่าเป้าหมายหมุนไปรอบตัวเรา 360 องศา โดยที่เราต้องทำการเล็งปืนไปยังเป้าหมายเหล่านั้นรอบตัว จะทำให้ต้องเปลี่ยนท่ายิงไปตลอดทั้งนอนคว่ำ นอนตะแคงและนอนหงายในคราวเดียวกัน


สุดท้ายนี้ทุกครั้งที่จับปืนขอให้มี “สติ”

                                                                                                            เรียบเรียงโดย Batman

Thursday, June 16, 2011

Shooting Behind a Car

Shooting Behind a Car



การยิงปืนต่อสู้ในระยะประชิดจำเป็นอย่างยิ่งที่เราจะต้องหาที่กำบังเพื่อปกป้องตัวเองให้พ้นจากคมกระสุนของคนร้าย รถยนต์นั่งส่วนบุคคลสามารถใช้เป็นที่กำบังได้ แต่เราต้องรู้ว่าจะใช้ส่วนใดของรถเพื่อป้องกันกระสุนจากคนร้ายได้บ้าง


กระจกรถไม่สามารถหยุดกระสุนปืนสั้นได้จึงไม่ใช่ส่วนที่ดีในการเป็นที่กำบัง ส่วนของตัวถังรถซึ่งเป็นเหล็กมีความแข็งแรงมากกว่าแต่ก็ไม่ใช่ทุกส่วนจะสามารถป้องกันกระสุนได้


หากรถจอดอยู่ในลักษณะขวางและกั้นระหว่างคนร้ายและตัวเรา ตำแหน่งที่ดีที่สุดในการกำบัง คือ หลังล้อหน้า เพราะเป็นบริเวณที่มีห้องเครื่องยนต์คอยกั้นอีกชั้นหนึ่งนอกจากตัวถังรถ ซึ่งมีความแข็งแรงมากพอที่จะหยุดกระสุนปืนสั้นทั่วไปได้ และมีล้อรถคอยป้องกันส่วนล่างหรือขาของเราในขณะเดียวกัน รองลงมาก็คือ หลังล้อหลัง ซึ่งมีตัวถังรถสองชั้นคอยกั้นไว้ โอกาสที่กระสุนจะทะลุผ่านตัวถังทั้งสองฝั่งมีน้อยลง แต่ก็ยังปลอดภัยน้อยกว่าหลังล้อหน้า


หากรถจอดอยู่ในแนวหันหน้าหรือท้ายรถเข้าหาคนร้าย การอยู่ส่วนท้ายสุดของรถก็ถือว่าปลอดภัยเพราะมีห้องเครื่องยนต์และตัวถังรถหลายชั้นคอยกั้นอยู่ แต่ต้องระวังส่วนล่างของร่างกาย เช่น ขา ซึ่งจะไม่มีการปกป้อง


การยืนยิงหลังประตูรถที่เปิดอยู่อาจไม่ใช่ที่กำบังที่ดีนัก เพราะกระสุนยังสามารถทะลุกระจกหรือประตูผ่านมาถึงเราได้ และไม่ปกป้องส่วนล่างของร่างกาย แต่ในกรณีจำเป็นการใช้ประตูรถบังไว้ก่อนก็ยังดีกว่าไม่มีอะไรเลย แล้วรีบเคลื่อนที่หลบไปยังที่กำบังซึ่งปลอดภัยกว่าโดยเร็วที่สุด


การนั่งอยู่ในรถอาจไม่ปลอดภัยเพราะกระสุนปืนสามารถทะลุกระจกและตัวถังรถเข้ามาได้โดยเฉพาะจากด้านข้าง ซึ่งประตูรถเพียงชั้นเดียวอาจไม่แข็งแรงพอที่จะหยุดกระสุนปืนได้


การนั่ง นอน หรือยืนยิงหลังที่กำบังควรอยู่ห่างจากที่กำบังประมาณหนึ่งช่วงแขนโดยหันหน้าเข้าหาภัยคุกคามตลอดเวลา ในการยิงให้ยื่นหรือโผล่ส่วนของร่างกายออกไปพ้นที่กำบังให้น้อยที่สุด (อ่านเพิ่มเติมได้ในบทความเรื่อง Shooting behind the cover วันที่ 23 Dec 2009)


สุดท้ายนี้ทุกครั้งที่จับปืนขอให้มี “สติ”


เรียบเรียงโดย Batman

Thursday, June 2, 2011

Dynamic Room Entries

Dynamic Room Entries



ในการเข้าตรวจค้นห้อง (Room clearing) เพื่อค้นหาคนร้ายควรเป็นหน้าที่ของมืออาชีพ โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ตำรวจซึ่งผ่านการฝึกฝนและมีอุปกรณ์ป้องกันอย่างดี เพราะการเข้าตรวจค้นห้องหรืออาคารต้องสงสัยถือว่าเป็นภารกิจที่มีความเสี่ยงสูง สำหรับประชาชนทั่วไปถึงแม้จะได้รับการฝึกยิงปืนมาอย่างดีและมีความรู้ด้านการตรวจค้นห้องอยู่บ้างก็ไม่แนะนำให้ทำเอง ยกเว้นว่าไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้จริงๆ


ความแตกต่างระหว่างการตรวจค้นห้องโดยเจ้าหน้าที่ตำรวจซึ่งผ่านการฝึกอบรมมาอย่างดีกับประชาชนทั่วไป ก็คือ สำหรับเจ้าหน้าที่ตำรวจมักทำงานเป็นทีมตั้งแต่ 2 คนขึ้นไปในการตรวจค้นห้องแต่ละห้อง (2 – 5 คน ยิ่งมีเจ้าหน้าที่มากยิ่งมีประสิทธิภาพและความปลอดภัยมากขึ้น) ส่วนประชาชนนั้นมักทำเพียงคนเดียว จึงมีประสิทธิภาพและความปลอดภัยน้อยกว่าอย่างเลี่ยงไม่ได้


นอกจากนั้นเจ้าหน้าที่ตำรวจซึ่งถูกฝึกมาอย่างดีจะมีอุปการณ์ป้องกันเพื่อความปลอดภัย เช่น เสื้อเกราะกันกระสุน หมวกกันกระสุน โล่กันกระสุน เป็นต้น จึงกล้าที่จะบุกเข้าห้องอย่างรวดเร็ว ในขณะที่ประชาชนไม่มีอุปกรณ์ต่างๆเหล่านี้ ยิ่งไปกว่านั้นอาวุธและอุปกรณ์ส่วนควบของเจ้าหน้าที่ตำรวจก็มีประสิทธิภาพมากกว่าด้วย เช่น ปืนกลเบาจู่โจม MP5, ปืนลูกซองจู่โจม เป็นต้น


วิธีการตรวจค้นห้องเมื่อทำเพียงคนเดียวก็แตกต่างจากการทำงานเป็นทีม สำหรับประชาชนทั่วไปนิยมสอนการตรวจค้นห้องด้วยวิธี Slicing the pie, Quick peek เป็นต้น ซึ่งเป็นวิธีที่ช้ามากในการค้นแต่ละห้องและมีประสิทธิภาพไม่ดีนัก สำหรับเจ้าหน้าที่ตำรวจแล้วจะใช้วิธีที่มีประสิทธิภาพและรวดเร็วกว่า เรียกว่า Dynamic Room Entries


Dynamic Room Entries ประกอบด้วย 4 หลักการใหญ่ๆ คือ


- ความเร็ว (Speed)


- การสร้างความประหลาดใจ (Surprise)


- ความรุนแรง (Violence of action)


- ความแม่นยำในการยิง (Accurate shooting)


มีการจัดวางรูปขบวนในการเข้าตรวจค้นห้องหลายรูปแบบ และการวางตำแหน่งของเจ้าหน้าที่เพื่อรับผิดชอบพื้นที่ภายในห้องขณะเข้าตรวจค้นก็มีหลายวิธี (แต่ละวิธีมีข้อดี ข้อเสียและข้อจำกัดแตกต่างกันขึ้นกับสภาพแวดล้อม)


มีการใช้อุปกรณ์เพื่อสร้างความประหลาดใจแก่คนร้าย เช่น ระเบิดเสียง ระเบิดแสง แก็สน้ำตา เป็นต้น และทำการบุกเข้าห้องผ่านประตูไปอย่างรวดเร็ว ทักษะเหล่านี้เจ้าหน้าที่ต้องฝึกอย่างหนักเพื่อให้เกิดความชำนาญและสามารถทำได้อย่างไหลลื่น อีกทั้งสามารถแยกแยะเป้าหมายได้อย่างรวดเร็วแม่นยำ (Shoot and No shoot targets)


อย่างไรก็ตามสำหรับประชาชนทั่วไปแล้วการฝึกค้นหาคนร้ายในห้อง วิธีเคลื่อนที่ผ่านทางเดิน บันได หรือมุมห้องอย่างถูกวิธี ก็เป็นสิ่งที่ควรเรียนรู้และฝึกฝนไว้ เพราะในบางสถานการณ์อาจจำเป็นต้องใช้ทักษะเหล่านี้ในการเอาตัวรอด

สุดท้ายนี้ทุกครั้งที่จับปืนขอให้มี "สติ"


เรียบเรียงโดย Batman
อ้างอิงเนื้อหาบางส่วนจากบทความเรื่อง Dynamic Room Entries ของ Kevin Davis

Newcastle limousines