Sunday, May 24, 2009

Faking It







Faking It

หลายคนคงพยายามมองหาเครื่องไม้เครื่องมือที่ทันสมัยเปี่ยมด้วยเทคโนโลยีเพื่อช่วยในการฝึกยิงปืน อาทิเช่น เป้าล้มแล้วลุกได้เอง สนามยิงปืนที่สามารถยิงได้รอบทิศ ศูนย์เลเซอร์ที่ติดกับด้ามปืน (Grip-mounted lasers) แต่มีคนน้อยนักที่ตระหนักว่าการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญในการฝึกยิงปืนเริ่มต้นตั้งแต่มีการถือกำเนิดของ Nelson 007 (ชื่อปืน Paintball รุ่นแรกของโลก ที่ผลิตโดยบริษัท Nelson Paint ในปี 1970)

Nelson 007 สามารถยิงได้ทีละนัดผิดกับปัจจุบันที่ยิงได้เป็นชุดแบบอัตโนมัติเต็มรูปแบบ ต่อมาปลายช่วง 1980 ได้มีการพัฒนามาเป็น Simunitions (เป็นชื่อของกระสุน Paintball แบบพิเศษที่สามารถยิงได้จากปืนจริงทั้งของทหารและตำรวจ แต่ต้องมีการเปลี่ยนชิ้นส่วนบางอย่างในตัวปืน ตัวกระสุนบรรจุดินขับกำลังต่ำไว้เพื่อให้สามารถส่งกระสุนออกไปและบริหารกลไกปืนในขณะยิงได้)

Simunitions ถูกนำมาใช้ในการฝึกทั้งทหารและตำรวจทั่วโลกอย่างจริงจัง เมื่อคนที่ถูกยิงจะต้องออกจากการฝึกทันทีหรือนอนราบกับพื้นเสมือนเสียชีวิต และเคยมีการศึกษาการเต้นของหัวใจของผู้รับการฝึกระหว่างการฝึกซ้อมเข้าตรวจค้นภายในบ้าน (House-clearing exercises) โดยพวกเขารู้ว่ามีคนคอยดักซุ่มโจรตีอยู่ พบว่าแม้จะรู้ว่าอาวุธและกระสุนที่ใช้ไม่ทำให้เสียชีวิต แต่อัตราการเต้นของหัวใจก็พุ่งขึ้นไปสูงสุด

ประโยชน์ของ Simunitions นั้นชัดเจนมากจนประชาชนก็ต้องการนำมาใช้ในการฝึกด้วยเช่นกัน แต่น่าเสียดายที่ Simunitions ยังไม่ถูกอนุญาตให้ขายแก่ประชาชนทั่วไป ถึงแม้ศูนย์ฝึกสอนยิงปืนบางแห่งในสหรัฐอเมริกามีอาวุธที่ใช้กระสุน Simunitions ได้แต่ราคาก็แพงมาก

เราจะใช้ Simunitions เฉพาะในการฝึกจำลองสถานการณ์ที่มีกลุ่มคนร้ายหรือฝ่ายตรงข้ามที่ติดอาวุธเช่นกัน จะไม่ใช้ Simunitions ในการฝึกยิงเป้ากระดาษในสนามยิงปืน

ในเว็ปไซด์ของ Simunitions เองก็มีการเตือนว่า การใช้กระสุน Simunition อย่างไม่เหมาะสมอาจทำให้เกิดการบาดเจ็บ เป็นอันตรายต่อร่างกายหรือแม้แต่เสียชีวิตก็ได้

หลายปีมานี้หน่วยงานตำรวจและศูนย์ฝึกอบรมยิงปืนเอกชนในสหรัฐอเมริกาใช้ปืน Paintball ช่วยในการฝึกมาตลอด แต่มันก็มีข้อด้อยหลายประการ อาทิเช่น ขาดผู้ผลิตปืน Paintball ที่มีคุณภาพในแง่ที่รูปร่างปืนไม่เหมือนปืนจริงทำให้ไม่ได้ความรู้สึกว่ากำลังใช้ปืนจริงอยู่ และที่สำคัญมันเป็นเกมส์ที่เลอะเทอะอย่างมาก ดังนั้นจึงไม่นิยมเล่น Paintball ในร่ม นอกจากนั้นทั้ง Simunitions และ Paintball มักใช้ในกรณีที่มีการแบ่งข้างเล่นเท่านั้น

แต่สำหรับปืนอัดลม (Airsoft guns: ถือกำเนิดตั้งแต่ปี 1970 ในประเทศญี่ปุ่น) มีรูปร่างเหมือนปืนจริงอย่างมาก แต่กระสุนใช้เม็ดพลาสติกกลมซึ่งถูกยิงออกไปได้หลายวิธี เช่น ใช้ลมหรือก๊าซ สปริง กลไกไฟฟ้า เป็นต้น

ในการฝึกยิงปืนให้กับมือใหม่ถ้าใช้ปืนจริงถึงแม้จะใช้ปืนที่ใช้กระสุน .22 ก็ตาม ก็ยังอาจมีอันตรายถึงชีวิตได้เพราะมือใหม่มักเผลอเอานิ้วเข้าโกรงไกและมักหันปากกระบอกปืนไปในทิศทางที่ไม่เหมาะสม แต่ถ้าฝึกด้วยปืนอัดลมตราบเท่าที่ยังใส่แว่นป้องกันดวงตาตลอดการฝึก สิ่งเลวร้ายที่สุดที่อาจจะเกิดขึ้นได้ก็เพียงแค่รอยแดงๆที่ผิวหนังจากการถูกกระสุนพลาสติกยิงโดนเท่านั้น

ข้อดีอีกอย่างหนึ่งของการฝึกด้วยปืนอัดลมคือมันสามารถฝึกในร่มได้ มันไม่เลอะเทอะใช้เพียงแค่ไม้กวาดกับที่โกยผงสนามฝึกก็สะอาดแล้ว นอกจากนั้นปืนลมสมัยนี้มีมิติของตัวปืนและน้ำหนักใกล้เคียงปืนจริงอย่างมากทำให้ผู้ใช้มีความรู้สึกเหมือนกำลังถือปืนจริงอยู่

เนื่องจากปืนอัดลมสามารถใช้ยิงในร่มได้ ระยะยิงหวังผลจึงสั้นกว่าการฝึกยิงปืนทั่วไป ดังนั้นหลายบริษัทจึงได้ผลิตเป้าที่มีขนาดย่อส่วนโดยเฉพาะเมื่อใช้ฝึกทางยุทธวิธี นอกจากนั้นเป้าที่ใช้ในการแข่ง IDPA / IPSC หลายแบบก็สามารถนำมาใช้กับปืนอัดลมได้ด้วย

กระสุนพลาสติกของปืนอัดลมมีหลายน้ำหนักและหลายสี บางคนแนะนำว่าให้ใช้กระสุนสีดำเพราะมันเห็นได้ลำบากในขณะที่มันลอยอยู่ในอากาศ เนื่องจากบางคนอาจติดนิสัยชอบมองแนวกระสุนสีขาวในอากาศมากกว่าศูนย์ปืน บางคนแนะนำให้ใช้กระสุนที่มีน้ำหนักมากขึ้นเข้าไว้ เพราะการยิงปืนอัดลมสำคัญที่ความแม่นยำไม่ใช่ระยะทาง (เมื่อมีลมพัดกระสุนที่หนักกว่าจะเบี่ยงเบนน้อยกว่ากระสุนที่เบากว่าจึงมีความแม่นยำมากกว่า)

เนื่องจากมิติตัวปืนและน้ำหนักปืนอัดลมปัจจุบันมีความเหมือนปืนจริงอย่างมาก ดังนั้นปืนอัดลมบางรุ่นทางบริษัทผู้ผลิตจึงทำลำกล้องปืนเป็นสีส้มเพื่อให้มีความแตกต่างจากปืนจริง แต่ปืนเหล่านี้ไม่ค่อยได้รับความนิยม ซองกระสุนของปืนอัดลมไม่ควรให้ตกพื้นเพราะจะเสียหายได้ง่ายเนื่องจากความแข็งแรงของวัสดุที่ทำมีน้อยกว่าซองกระสุนปืนจริง

Taran Butler นักยิงปืนมืออาชีพมีประสบการณ์ในการช่วยฝึกเจ้าหน้าที่ตำรวจและสอนดาราฮอลลีวูด เขามีสนามฝึกยิงปืนขนาด 20 เอเคอร์ (1 เอเคอร์ ประมาณ 4,047 ตารางเมตร) เพื่อใช้ในการยิง Paintball พบว่ามีแต่เด็กเป็นส่วนใหญ่ที่เข้ามาเล่น Paintball และเมื่อดาราฮอลลีวูดที่ต้องการฝึกยิงปืนเพื่อใช้ในการแสดงหนังเดินดูสนามก็มักจะเลอะเทอะด้วยสีที่กระจายไปทั่วสนาม

เขาจึงเปลี่ยนเป็นสนามยิงปืนอัดลมแทน โดยจัดเป็นหลายส่วนทั้งการฝึกยิงในอาคาร ถนน ซอย ท่อน้ำทิ้งขนาดใหญ่ (เป็นท่อน้ำขนาดใหญ่ที่มักฝั่งอยู่ใต้ดินเพื่อระบายน้ำทิ้งของเมืองหรือชุมชน) และสภาพแวดล้อมในเมืองอย่างอื่นอีกมาก หน่วยสวาทท้องถิ่นและเจ้าหน้าที่ของรัฐอีกมากรวมทั้งหน่วยรบจาก Fort Benning รัฐ Georgia ก็ยังมาฝึกที่นี่ จะเห็นได้ว่ามีผู้คนอีกมากที่เห็นประโยชน์ของการฝึกกับปืนอัดลม

ปัจจุบันระบบช่วยฝึกที่ก้าวหน้าที่สุดมีใช้ในอเมริกาและแคนนาดา โดยอาศัยระบบคอมพ์พิวเตอร์ที่ทันสมัยเข้ามาดูแล ผู้รับการฝึกทุกคนมีเครื่องติดตามตัวบอกตำแหน่ง อาวุธที่ใช้ก็มีเครื่องมือที่บอกกับผู้คุมการฝึกว่าผู้รับการฝึกได้เล็งปืนไปที่ใครและถ้าเหนี่ยวไกปืนยิงถูกใครคนนั้นก็จะรู้ว่าตัวเองถูกยิงและปืนของเขาก็จะไม่สามารถใช้ยิงต่อไปได้และต้องนอนลงกับพื้นให้เสียงเตือนว่าเสียชีวิตแล้วดับลง ผู้คุมการฝึกจะมีสองชุดๆแรกอยู่ที่สนามฝึกอีกชุดอยู่ห่างไกลออกไปอาศัยจอมอนิเตอร์ติดตามการฝึก หลังเสร็จสิ้นการฝึกก็จะนำผู้รับการฝึกทุกคนมาฟังผลการวิเคราะห์จากครูฝึกทั้งสองชุด น่าเสียดายที่ระบบการฝึกที่ก้าวหน้าเช่นนี้มีใช้อยู่เฉพาะในกองทัพเท่านั้น

การนำปืนอัดลมมาช่วยในการฝึกจึงเป็นอีกแนวทางหนึ่งที่สามารถช่วยพัฒนาทักษะการใช้อาวุธปืนได้โดยเฉพาะในเชิงยุทธวิธี มีความปลอดภัยสูง(ใส่แว่นป้องกันดวงตาตลอดเวลาที่ทำการฝึก)

TAS สอนทักษะการใช้อาวุธปืนในระบบต่อสู้ ซึ่งผู้รับการฝึกสามารถนำไปใช้ประกอบการฝึกด้วยปืนอัดลมเพื่อให้เกิดความชำนาญในเชิงยุทธวิธีได้ ในสถานการณ์จริงการใช้อาวุธปืนควรเป็นทางเลือก "สุดท้าย" เมื่อมีภัยคุกคามต่อชีวิตและทรัพย์สิน

สุดท้ายนี้ทุกครั้งที่จับปืนขอให้มี “สติ”

เรียบเรียงโดย Batman
อ้างอิงเนื้อหาบางส่วนจากบทความเรื่อง Faking It ของ James Tarr

Tuesday, May 19, 2009

Shooting Glasses











Shooting glasses

ในสหรัฐอเมริกามีผู้ได้รับบาดเจ็บที่ดวงตามากกว่าสามหมื่นรายต่อปีที่สัมพันธ์กับอาวุธปืนรวมทั้ง Paintball ดังนั้นการใส่เครื่องป้องกันดวงตาจึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่รักการยิงปืน

การใส่แว่นป้องกันดวงตาและใส่เครื่องป้องกันหูจากเสียงดังถือเป็นมาตรการเพื่อความปลอดภัยขั้นพื้นฐานในการยิงปืน

จุดประสงค์หลักที่ต้องใส่แว่นป้องกันดวงตาเพื่อป้องกันเศษกระสุนปืนหรือวัตถุใดก็ตามที่กระเด็นเข้ามา เนื่องจากแว่นตามีหลายแบบ หลายวัสดุ จึงไม่ใช่ว่าแว่นตาทุกชนิดจะเหมาะสำหรับใช้ปกป้องดวงตาจากการยิงปืน บางครั้งการใส่แว่นตาพลาสติกราคาถูกๆอาจมีโอกาสทำอันตรายดวงตามากกว่าไม่ใส่แว่นตาเสียเลย เพราะเมื่อพลาสติกแตกกระจากออกอาจพุ่งเข้าตาทำให้เกิดอันตรายได้

แว่นตาที่เหมาะสำหรับใส่ในการยิงปืน (Shooting glasses) จึงควรมีคุณลักษณะพิเศษดังนี้

- ควรทำจากวัสดุที่ทนแรงกระแทกได้ดี เช่น Polycarbonate, Trivex หรือ SR-91 เป็นต้น โดย Polycarbonate เป็นวัสดุที่นิยมมากที่สุดเพราะราคาถูก Trivex น้ำหนักเบากว่า ทนแรงกระแทกได้ดีกว่าและมีคุณสมบัติให้แสงผ่านได้เหนือกว่า Polycarbonate แต่ก็มีราคาแพงกว่าด้วย ส่วน SR-91 เป็นเลนส์โพลาไรส์ (Polarized lens) มีน้ำหนักเบา ให้ภาพคมชัดขึ้นแต่ก็ให้ความสว่างน้อยลงจึงไม่เหมาะกับการยิงปืนที่ต้องเล็งผ่านกล้องศูนย์ปืนนอกจากนั้นราคายังแพงอีกด้วย

- มีมาตรฐานรับรองเกี่ยวกับการทนแรงกระแทก มีอยู่ 3 มาตรฐานที่ใช้กัน คือ American National Standards Institute (ANSI), Occupational Safety & Health Administration (OSHA), the U.S. Military โดย ANSI ควรมีอย่างน้อย ANSI Z87.1 แต่ถ้าได้ ANSI Z87.1+(plus) ก็จะดีมาก ยิ่งได้ MIL-V-43511C และ/หรือ OSHA Safety Standard 1910.133 ด้วยแล้วจะยิ่งดีขึ้นไปอีก

- เลือกคุณภาพของเลนส์แว่นตาให้เหมาะสมกับการใช้งาน ถ้าคุณเป็นพวกยิงแบบตะวันตก (Cowboy action shooter) ในระยะ 10 หลาก็อาจใช้แว่นที่ทำจาก Polycarbonate ที่ได้ ANSI Z87.1 ราคาไม่แพงก็ได้ แต่ถ้าคุณเป็นพวกยิงปืนระยะไกลต้องเล็งเป้าผ่านกล้องศูนย์ปืนก็ควรใช้แว่นที่ทำจาก Trivex ที่มีการเคลือบสารลดการสะท้อนแสงจะเหมาะกว่า

- ควรมีการปกป้องดวงตาจากด้านข้างด้วย ถ้าคุณเป็นนักยิงปืนระบบต่อสู้ที่ต้องเคลื่อนไหวอยู่เสมอ (Action shooting) ก็ยิ่งต้องใส่แว่นตาที่มีการปกป้องดวงตาด้านข้างด้วย เพื่อป้องกันเศษวัตถุที่กระเด็นเข้ามาจากด้านข้าง หรือยิงเป้าที่เป็นเหล็กซึ่งอาจมีเศษเหล็กหรือเศษกระสุนกระเด็นเข้าตาตนเองหรือผู้อื่นได้ ดังนั้นแว่นตาสำหรับนักยิงปืนจึงควรมีการปกป้องด้านข้างด้วยเสมอ

- สีของเลนส์ นักยิงปืนลูกซองนิยมใส่แว่นสีเหลืองสว่างๆ สีส้มหรือสีม่วงเพราะทำให้วัตถุชัดขึ้นแยกได้ดีกับสีท้องฟ้า แต่ถ้าต้องเล็งเป้าหมายผ่านกล้องศูนย์ปืนนิยมใช้แว่นใส สีเหลืองอ่อน สีเทาอ่อน สีน้ำตาลแดงอ่อนและควรมีค่า Visible Light Transmission (VLT) มากกว่า 50 %

- แว่นตาควรสวมใส่สบายไม่หลุดง่าย ถ้าคุณเป็นนักยิงปืนระบบต่อสู้ก็ควรมีขาแว่นที่คล้องใบหูไว้ไม่ให้หลุดง่ายหรือใส่สายรัดแว่น

- ป้องกันแสง UV เลนส์ส่วนใหญ่ที่ได้มาตรฐาน ANSI จะมีคุณสมบัติป้องกันแสง UV ได้ดีแม้จะเป็นเลนส์ใสก็ตาม ดังนั้นจึงไม่จำเป็นต้องเลือกเลนส์ที่มีสีเข้มเพื่อหวังจะให้ป้องกันแสง UV ได้ดีขึ้น พยายามเลือกแว่นที่มีข้อความดังนี้ Blocks 99 % หรือ 100 % UV of rays, UV absorption up to 400 nm, meets ANSI UV requirements เป็นต้น

- กรอบแว่นควรเป็นพลาสติกหรือคาร์บอน (Carbon-reinforced frame) เพราะเบาและมีความยืดหยุ่นกว่าเหล็กไม่หักง่าย

จากหลักเกณฑ์ข้างต้นคงช่วยให้เลือกแว่นตาที่เหมาะสมสำหรับนักยิงปืนได้ไม่ยากเพื่อปกป้องดวงตาที่มีค่าของคุณ

เรียบเรียงโดย Batman
อ้างอิงเนื้อหาบางส่วนจากบทความเรื่อง Eye Protection for Shooters ของ Danny Reever

Monday, May 18, 2009

Getting Schooled











Getting Schooled

ถ้าคุณกำลังมองหาที่เรียนยิงปืนบทความนี้อาจช่วยคุณตัดสินใจได้ นาย Dave Spaulding ได้ให้ความเห็นเกี่ยวกับการเลือกเรียนยิงปืนไว้อย่างน่าสนใจ

คำถามหนึ่งที่สำคัญที่สุดคือ คุณต้องการโรงเรียนสอนยิงปืนหรือโรงเรียนสอนการต่อสู้ด้วยอาวุธปืน โรงเรียนทั้งสองอย่างนี้ไม่เหมือนกัน

เนื่องจากการมีศูนย์ฝึกอบรมยิงปืนเกิดเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ และมีความหลากหลายในหลักสูตรยิงปืน ครูสอนยิงปืนส่วนใหญ่มีความรู้ดี พวกเขามักสอนสิ่งที่คิดว่าความเป็นจริงจะเกิดขึ้นเช่นนั้น แต่ในความเป็นจริงแล้วยากมากที่จะเกิดเช่นนั้น แม้กระทั้งได้มีการพิสูจน์แล้วว่าสิ่งที่เขาคิดนั้นไม่ถูกต้องก็ตาม บางหลักสูตรจึงสอนยิงปืนในสถานการณ์ที่เกินความเป็นจริง ตำรวจอาศัยอยู่บนเส้นทางที่อันตรายพวกเขาจึงต้องการการฝึกฝนอยู่บนพื้นฐานของความเป็นจริงมากกว่าสิ่งที่เกินปกติ

นาย Dave ไม่ได้อยู่ในธุรกิจสอนยิงปืน แต่เขาก็สอนยิงปืนอยู่บ้าง ชีวิตของเขาไม่ได้ขึ้นอยู่กับธุรกิจสอนยิงปืน ตัวเขาเองก็ยังคงเสาะหาหลักสูตรยิงปืนดีๆเพื่อเข้ารับการฝึกอยู่เสมอๆเมื่อมีโอกาส อีกทั้งอ่านหนังสือ นิตยสารและดูวิดีโอเกี่ยวกับการสอนยิงปืนเพื่อเพิ่มพูนความรู้ให้ทันสมัยอยู่เสมอ

หลายคนมองหาที่เรียนยิงปืนจากสถานที่เรียนซึ่งกว้างขวางใหญ่โต โดยไม่ดูระดับความรู้หรือพื้นเพของครูฝึกเลย การเลือกสถานที่หรือหลักสูตรยิงปืนอย่างแรกต้องเข้าใจว่าครูฝึกยิงปืนไม่จำเป็นต้องมีชื่อเสียง เพราะครูฝึกยิงปืนท้องถิ่นหลายคนก็เป็นครูฝึกที่ดีเยี่ยม

ประการที่สอง คุณต้องตัดสินใจว่าคุณต้องการเพียงเรียนยิงปืนหรือต่อสู้ด้วยอาวุธปืน สำหรับเจ้าหน้าที่รักษากฎหมายที่มองหาหลักสูตรยิงปืนคงเน้นที่การต่อสู้ด้วยอาวุธปืนเป็นหลัก ดังนั้นครูฝึกควรมีพื้นเพที่เกี่ยวข้องกับการยิงปืนระบบต่อสู้รวมทั้งแทคติกการยิงปืน

บางคนอาจจะโต้แย้งข้อนี้ แต่บุคคลซึ่งเคยเผชิญหน้ากับคนร้ายที่มีอาวุธย่อมให้แง่คิดที่คนอื่นไม่มีทางเข้าใจได้ อารมณ์ความรู้สึกขณะที่ทำการมองหาคนร้ายที่มีอาวุธในบ้านซึ่งเขาอาจถูกฆ่าได้ตลอดเวลาโดยไม่มีคำอธิบาย มันเป็นประสบการณ์ที่จะสอดแทรกอยู่ในบทเรียนของครูฝึก

มองหาหลักสูตรที่เหมาะสมกับคุณ เช่น หลักสูตรสอนเกี่ยวกับการบุกเข้าชิงตัวประกัน ถ้าคุณเป็นประชาชนทั่วไปหรือเป็นตำรวจจราจร หลักสูตรนี้ก็คงไม่จำเป็นสำหรับคุณถึงแม้มันจะน่าสนใจก็ตาม

หลีกเลี่ยงครูฝึกที่แสดงออกอย่างเกินจริง เช่น คนที่จะไม่ยอมไปเข้าห้องน้ำโดยปราศจากอาวุธ พกปืนสองกระบอก มีดอีกสามเล่ม โดยให้เหตุผลว่าคุณไม่มีทางรู้ว่าการโจมตีจะเกิดขึ้นเมื่อใด นาย Dave บอกว่าการโจมตีไม่เคยเกิดขึ้นในโรงเรียนสอนยิงปืนมาก่อน

การเรียนยิงปืนเป็นกระบวนการของการเรียนรู้และแก้ไขข้อผิดพลาด ครูฝึกต้องอธิบายและแสดงแทคติกต่างๆเพื่อให้ผู้รับการฝึกเกิดความเข้าใจอย่างแจ่มแจ้ง นาย Dave เป็นคนหนึ่งที่รู้สึกสงสัยในตัวครูฝึกที่ไม่เคยยิงปืนให้เขาเห็นเลย ถ้าครูฝึกทำผิดพลาดขณะสอนก็เพียงแค่พูดว่า “คนที่ไม่เคยผิดพลาดก็คือคนที่ไม่เคยยิงปืน” ครูฝึกก็แค่ทำใหม่ให้ถูกต้อง ผู้รับการฝึกจะได้เห็นสิ่งที่ถูกต้องว่าทำอย่างไร

ครูฝึกที่ดีต้องวางรากฐานที่มั่นคงให้กับผู้รับการฝึก การแสดงท่าทางให้ดูอย่างเดียวอาจไม่เพียงพอ ผู้รับการฝึกต้องการเห็นทักษะต่างๆที่ถูกต้องจากครูฝึกโดยตรงเพื่อสร้างความมั่นใจในสิ่งที่จะเรียนรู้ ในสถานการณ์จริงความสามารถที่จะตอบสนองหรือไม่ตอบสนองจะสัมพันธ์กับความเชื่อมั่นในทักษะของตัวเองโดยตรง ดังนั้นครูฝึกที่ดีต้องทำทุกอย่างเพื่อให้ผู้รับการฝึกเกิดความเชื่อมั่นในทักษะของตน

ครูฝึกที่ดียังต้องกล้าพูดคำว่า “ผมไม่รู้” เพราะไม่มีใครรู้ไปได้ทุกเรื่อง นอกจากนั้นคุณควรหลีกเลี่ยงครูฝึกที่ไม่ยืดหยุ่น พยายามให้คุณยิงได้เหมือนตัวครูฝึกทุกอย่างไม่ผิดเพี้ยนซึ่งเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ ยกตัวอย่างเช่น นาย Dave เคยเข้ารับการฝึกอบรมที่ Gunsite (โรงเรียนสอนยิงปืนเก่าแก่และดีที่สุดในอเมริกา) ครูฝึกส่วนใหญ่เคยเป็นผู้รักษากฎหมายหรือทหารมาก่อน การยิงปืนที่นั้นไม่เหมือนในภาพยนตร์ฮอลลีวูด ครูฝึกจะสอนเฉพาะสิ่งที่คุณอาจต้องเผชิญในสถานการณ์จริง สำหรับนาย Dave มีปัญหากับแขนซ้ายของเขาในท่ายิง Weaver ซึ่งครูฝึกก็เพียงบอกกับเขาว่า “ไม่เป็นไร..... ยิงในท่าที่คุณถนัดก็แล้วกัน”

สุดท้ายนี้ครูฝึกที่ดีต้องอดทน พูดจาดี เป็นมิตร ไม่หยิ่งทะนงในความสามารถหรือประสบการณ์ของตนเอง ตัวคุณเองก็ควรต้องชื่นชมบุคคลที่สอนคุณให้รู้วิธีเอาชีวิตรอดด้วย

ปัจจุบันการยิงปืนมีหลายวัตถุประสงค์ เช่น ยิงปืนเพื่อการกีฬา อาชีพที่เกี่ยวเนื่องกับการยิงปืน อาทิเช่น ทหาร ตำรวจ นักสืบ เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัย เป็นต้น การยิงปืนเพื่อปกป้องชีวิตและทรัพย์สิน ซึ่งแต่ละวัตถุประสงค์รูปแบบการฝึกอบรมก็จะแตกต่างกันไป ดังนั้นก่อนที่จะเลือกเรียนยิงปืนต้องสำรวจตัวเองก่อนว่าจะใช้อาวุธปืนเพื่อจุดประสงค์ใด แล้วเลือกโรงเรียนสอนยิงปืน ครูฝึก และหลักสูตรให้เหมาะสมกับความต้องการนั้นๆ

TAS เป็นโรงเรียนสอนยิงปืนระบบต่อสู้เพื่อปกป้องชีวิตและทรัพย์สิน ซึ่งหลักสูตรต่างๆถูกออกแบบโดยผู้มีประสบการณ์โดยตรง การฝึกอบรมมีการปรับปรุงให้มีความทันสมัยและเหมาะสมกับสภาพสังคมปัจจุบันอย่างสม่ำเสมอ

สุดท้ายนี้ทุกครั้งที่จับปืนขอให้มี “สติ”

เรียบเรียงโดย Batman
อ้างอิงเนื้อหาบางส่วนจากบทความเรื่อง Getting Schooled ของ Dave Spaulding

Saturday, May 16, 2009

Rules for Combative Handgun Training


Rules for Combative Handgun Training

นาย Dave Spaulding ได้ให้ความเห็นเกี่ยวกับการฝึกยิงปืนสั้นไว้อย่างน่าสนใจ เขาพบว่าผู้คนสมัยนี้มักเสาะหาหลักสูตรยิงปืนที่มีความหวือหว่า บางคนยิงปืนเพื่อการแข่งขันและอีกกลุ่มเน้นที่การยิงปืนเพื่อป้องกันตัวและต่อสู้ นาย Dave ได้เปิดหลักสูตรอบรมยิงปืนโดยอาศัยประสบการณ์ที่เคยเป็นผู้รักษากฏหมายมาสามสิบกว่าปีและเคยเผชิญหน้ากับคนร้ายที่มีอาวุธหลายครั้ง เขาพบว่าครูฝึกหลายคนได้สอนให้ยิงปืนในรูปแบบที่ซับซ้อนทั้งๆที่สามารถทำมันให้เรียบง่ายได้ไม่ยากนัก

ความจริงอย่างหนึ่งก็คือ ในสถานการณ์หนึ่งๆมีหลายวิธีที่สามารถยิงปืนให้ประสบผลสำเร็จได้ บางวิธีซับซ้อน บางวิธีเรียบง่าย แต่การยิงที่เรียบง่ายไม่สามารถนำมาขายในชื่อ “การยิงระดับก้าวหน้าหรือชั้นสูงได้ ("advanced" firearms training course)"

เขาเคยเข้าไปอ่านการสนทนาในอินเตอร์เน็ตแห่งหนึ่ง (Evan Marshal's website and chat room) และมีประโยคหนึ่งที่เขาเห็นด้วยอย่างยิ่ง “การยิงปืนระดับก้าวหน้าหรือชั้นสูงไม่มีอะไรเลย มันก็แค่การยิงปืนโดยอาศัยพื้นฐานที่ดีเท่านั้นเอง”

มันเป็นไปไม่ได้ที่จะทำการฝึกยิงปืนในทุกสถานการณ์ที่อาจจะเกิดขึ้นได้เพราะมันมีมากเกินไป สิ่งที่ควรนำมาฝึกฝนคือการอาศัยสิ่งที่เกิดขึ้นในอดีต

ตัวอย่างเช่น เรารู้ว่าการยิงต่อสู้ด้วยปืนสั้นส่วนใหญ่เกิดขึ้นในระยะใกล้ ใช้เวลาไม่กี่วินาที และมีหลายเป้าหมายซึ่งเคลื่อนที่ ดังนั้นการฝึกชักปืนออกจากซองปืนในขณะเคลื่อนที่ออกด้านข้าง ทำการยิงหลายเป้าหมายในหลายระยะน่าจะเป็นการฝึกที่มีประโยชน์อย่างมาก และจะเป็นการดียิ่งขึ้นเมื่อทำการฝึกเคลื่อนที่ให้เร็วขึ้นเท่าที่จะเป็นไปได้ แต่ต้องเร็วพอที่ยังสามารถยิงได้อย่างมีประสิทธิภาพ

การฝึกในสถานการณ์จำลองก็มีประโยชน์มากเช่นกัน เนื่องจากเป็นการฝึกคิดอย่างรวดเร็วและการแยกแยะเป้าหมายซึ่งเป็นทักษะที่จำเป็น การฝึกกับปืนอัดลมหรือปืนที่ใช้กระสุนสี (Airsoft or Simunitions training) เป็นสิ่งที่มีประโยชน์ สมองของเราสามารถเรียนรู้ที่จะตอบสนองต่อสถานการณ์ที่เห็นเบื้องหน้าโดยไม่สนว่ามันจะเป็นเหตุการณ์จริงหรือไม่ การฝึกต่างๆต้องมีความปลอดภัยจะต้องไม่มีการเสียชีวิตหรือบาดเจ็บร้ายแรงในการฝึก นอกจากนั้นการฝึกยังคงต้องเน้นที่พื้นฐานการยิงปืนโดยใช้อาวุธปืนประจำกายของผู้รับการฝึกเอง เพื่อให้เกิดความเคยชินและชำนาญในการใช้อาวุธของตนเอง

กฎของการยิงปืนระบบต่อสู้ (Rules for Combative Handgun Training)

เป็นกฎที่นาย Dave นำมาจากหนังสือเกี่ยวกับการยิงปืนของ นาย J. Michael Plaxco ซึ่งเขาถือปฏิบัติมาตลอด กล่าวคือ

- ความแม่นยำต้องมาก่อนความเร็ว หมายความว่า คุณต้องยิงถูกสิ่งที่คุณต้องยิง ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น คุณต้องยิงให้ถูกเป้าหมาย

- เรียนรู้ที่จะใช้ทักษะของคุณให้ได้ดั่งใจ หมายความว่า เข้าใจพื้นฐานและนำมันมาปรับใช้กับสถานการณ์ได้ตลอดเวลา อย่าสนใจอย่างอื่นขณะยิงปืน

- คุณต้องแข่งขันกับความเร็วตามธรรมชาติของตัวคุณเอง หมายความว่า อย่าพยามเร่งหรือหน่วงความเร็วของคุณ ในการยิงต่อสู้นั้นถ้ายิงปืนด้วยความตระหนกจะไม่สามารถแก้ปัญหาได้ คุณต้องตระหนักเสมอว่าไม่ยิงเร็วเกินกว่าที่คุณจะสามารถทำการยิงที่ดีได้

- ความเร็วเป็นความลงตัวของการเคลื่อนไหว หมายความว่า ทุกการเคลื่อนไหวจะเกิดผลบางอย่างขึ้น ไม่มีการเคลื่อนไหวที่เปล่าประโยชน์ อย่าทำในสิ่งที่คุณไม่ต้องการทำ คงการเคลื่อนไหวของคุณให้เรียบง่ายเข้าไว้ซึ่งมักจะเป็นการคงไว้ซึ่งประสิทธิภาพเช่นกัน

- ความเร็วจะเพิ่มขึ้นเมื่อทำการฝึกฝนบ่อยๆ หมายความว่า คุณไม่จำเป็นต้องพยายามทำให้เร็วขึ้น เมื่อคุณฝึกฝนบ่อยๆจนเกิดความชำนาญ คุณจะสามารถทำมันได้เร็วขึ้นเองอย่างเป็นธรรมชาติ

- ให้การเล็งเป็นตัวบอกว่าจะยิงเมื่อใด หมายความว่า แนวปืน (ศูนย์หน้า ศูนย์หลัง และเป้า) เป็นตัวบงบอกความเร็วในการยิงปืนของคุณ ถ้าศูนย์ปืนอยู่ในแนวแล้วก็ยิงได้เลย แต่ถ้าศูนย์ปืนยังไม่อยู่ในแนวก็ห้ามยิง แต่ในการยิงต่อสู้คุณอาจไม่สนใจศูนย์ปืนเลยก็ได้ (ขึ้นอยู่กับสถานการณ์)

- เรียนรู้ภาพการเล็งที่ยอมรับได้และการเหนี่ยวไก หมายความว่า คุณภาพการเล็งปืนไปที่เป้าหมายระยะ 15 หลาย่อมไม่เหมือนกับระยะ 50 หลา คุณคงอยากได้การเล็งที่สมบูรณ์แบบทุกครั้งที่จะยิง แต่คุณควรเรียนรู้การเล็งเพียงเพื่อให้สามารถยิงถูกเป้าหมายที่ระยะต่างๆว่ามันเป็นอย่างไร

- ยิงทีละนัด นัดต่อไปอาจเป็นนัดที่สำคัญที่สุดในชีวิตก็ได้ หมายความว่า อย่าติดอยู่ในความคิดที่สักแต่จะยิงอย่างเดียว ไม่ว่าจะเป็นการยิงแข่งขันหรือยิงต่อสู้จริง การยิงถูกเป้าหมายหนึ่งนัดก็ถือว่าชนะแล้ว

- ถ้าไม่ว่าอะไรก็ผิดพลาดไปหมด ให้วางแนวปืนไปที่เป้าหมายแล้วเหนี่ยวไกแบบที่ลากไกไปหยุดตรงตำแหน่งที่นกสับหรือเซียร์ถอยหลังมาจนสุดแล้วค่อยๆเพิ่มน้ำหนักไกจนกระสุนยิงออกไป หมายความว่า ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นถ้าคุณวางแนวปืนและเหนี่ยวไกในลักษณะนี้แล้วมักจะยิงถูกเป้าหมายได้

การยิงปืนในระบบต่อสู้มีความแตกต่างจากการยิงปืนแข่งขันในหลายประเด็น แต่ก็มีการแข่งขันยิงปืนบางประเภทที่นำหลักการของการยิงปืนระบบต่อสู้มาใช้ แต่กระนั้นก็ยังมีข้อจำกัดอยู่หลายประการ เนื่องจากการยิงปืนระบบต่อสู้มีหลักที่ว่า “เราต้องปลอดภัยไว้ก่อน” ไม่ว่าจะเป็นการหาที่กำบังที่เหมาะสมและเคลื่อนที่เข้าหาที่กำบัง การเคลื่อนที่ยิง หรือยิงเป้าหมายที่เคลื่อนที่ การยิงหลายเป้าหมายและหลายระยะ การยิงหลังที่กำบัง (ตัวเราต้องโผล่ออกจากที่กำบังน้อยที่สุดเท่าที่จะสามารถทำการยิงเป้าหมายได้ ซึ่งต่างจากการยิงแข่งขันซึ่งผู้ยิงมักเปิดเผยตัวเองออกจากที่กำบังมากเพื่อทำการยิงได้อย่างถนัด ซึ่งเป็นอันตรายอย่างยิ่งหากเป็นการเผชิญหน้ากับคนร้ายที่มีอาวุธปืนเช่นกัน) การแยกแยะเป้าหมาย การยิงในภาวะแสงต่ำ การอาศัยสภาพแวดล้อมในการอำพราง การตรวจการณ์หลังการยิง การยิงสองนัดซ้อนหรือ double taps การประเมินสถานการณ์ เป็นต้น ซึ่งหลายหลักการไม่สามารถนำมาใช้ในการยิงปืนแข่งขันทั่วไปได้

TAS เน้นการสอนยิงปืนระบบต่อสู้โดยฝึกฝนพื้นฐานการยิงปืนที่ถูกต้อง ผู้รับการฝึกสามารถนำไปปรับใช้กับการยิงปืนในสถานการณ์ต่างๆได้

“ยิงปืนให้ปลอดภัยและฝึกฝนอยู่เสมอ” เป็นสิ่งที่ผู้ใช้อาวุธปืนทุกคนควรถือปฏิบัติ

สุดท้ายนี้ทุกครั้งที่จับปืนขอให้มี “สติ”

เรียบเรียงโดย Batman
อ้างอิงเนื้อหาบางส่วนจากบทความเรื่อง

Rules for Combative Handgun Training ของ Dave Spaulding

Newcastle limousines