Sunday, May 24, 2009

Faking It







Faking It

หลายคนคงพยายามมองหาเครื่องไม้เครื่องมือที่ทันสมัยเปี่ยมด้วยเทคโนโลยีเพื่อช่วยในการฝึกยิงปืน อาทิเช่น เป้าล้มแล้วลุกได้เอง สนามยิงปืนที่สามารถยิงได้รอบทิศ ศูนย์เลเซอร์ที่ติดกับด้ามปืน (Grip-mounted lasers) แต่มีคนน้อยนักที่ตระหนักว่าการเปลี่ยนแปลงที่สำคัญในการฝึกยิงปืนเริ่มต้นตั้งแต่มีการถือกำเนิดของ Nelson 007 (ชื่อปืน Paintball รุ่นแรกของโลก ที่ผลิตโดยบริษัท Nelson Paint ในปี 1970)

Nelson 007 สามารถยิงได้ทีละนัดผิดกับปัจจุบันที่ยิงได้เป็นชุดแบบอัตโนมัติเต็มรูปแบบ ต่อมาปลายช่วง 1980 ได้มีการพัฒนามาเป็น Simunitions (เป็นชื่อของกระสุน Paintball แบบพิเศษที่สามารถยิงได้จากปืนจริงทั้งของทหารและตำรวจ แต่ต้องมีการเปลี่ยนชิ้นส่วนบางอย่างในตัวปืน ตัวกระสุนบรรจุดินขับกำลังต่ำไว้เพื่อให้สามารถส่งกระสุนออกไปและบริหารกลไกปืนในขณะยิงได้)

Simunitions ถูกนำมาใช้ในการฝึกทั้งทหารและตำรวจทั่วโลกอย่างจริงจัง เมื่อคนที่ถูกยิงจะต้องออกจากการฝึกทันทีหรือนอนราบกับพื้นเสมือนเสียชีวิต และเคยมีการศึกษาการเต้นของหัวใจของผู้รับการฝึกระหว่างการฝึกซ้อมเข้าตรวจค้นภายในบ้าน (House-clearing exercises) โดยพวกเขารู้ว่ามีคนคอยดักซุ่มโจรตีอยู่ พบว่าแม้จะรู้ว่าอาวุธและกระสุนที่ใช้ไม่ทำให้เสียชีวิต แต่อัตราการเต้นของหัวใจก็พุ่งขึ้นไปสูงสุด

ประโยชน์ของ Simunitions นั้นชัดเจนมากจนประชาชนก็ต้องการนำมาใช้ในการฝึกด้วยเช่นกัน แต่น่าเสียดายที่ Simunitions ยังไม่ถูกอนุญาตให้ขายแก่ประชาชนทั่วไป ถึงแม้ศูนย์ฝึกสอนยิงปืนบางแห่งในสหรัฐอเมริกามีอาวุธที่ใช้กระสุน Simunitions ได้แต่ราคาก็แพงมาก

เราจะใช้ Simunitions เฉพาะในการฝึกจำลองสถานการณ์ที่มีกลุ่มคนร้ายหรือฝ่ายตรงข้ามที่ติดอาวุธเช่นกัน จะไม่ใช้ Simunitions ในการฝึกยิงเป้ากระดาษในสนามยิงปืน

ในเว็ปไซด์ของ Simunitions เองก็มีการเตือนว่า การใช้กระสุน Simunition อย่างไม่เหมาะสมอาจทำให้เกิดการบาดเจ็บ เป็นอันตรายต่อร่างกายหรือแม้แต่เสียชีวิตก็ได้

หลายปีมานี้หน่วยงานตำรวจและศูนย์ฝึกอบรมยิงปืนเอกชนในสหรัฐอเมริกาใช้ปืน Paintball ช่วยในการฝึกมาตลอด แต่มันก็มีข้อด้อยหลายประการ อาทิเช่น ขาดผู้ผลิตปืน Paintball ที่มีคุณภาพในแง่ที่รูปร่างปืนไม่เหมือนปืนจริงทำให้ไม่ได้ความรู้สึกว่ากำลังใช้ปืนจริงอยู่ และที่สำคัญมันเป็นเกมส์ที่เลอะเทอะอย่างมาก ดังนั้นจึงไม่นิยมเล่น Paintball ในร่ม นอกจากนั้นทั้ง Simunitions และ Paintball มักใช้ในกรณีที่มีการแบ่งข้างเล่นเท่านั้น

แต่สำหรับปืนอัดลม (Airsoft guns: ถือกำเนิดตั้งแต่ปี 1970 ในประเทศญี่ปุ่น) มีรูปร่างเหมือนปืนจริงอย่างมาก แต่กระสุนใช้เม็ดพลาสติกกลมซึ่งถูกยิงออกไปได้หลายวิธี เช่น ใช้ลมหรือก๊าซ สปริง กลไกไฟฟ้า เป็นต้น

ในการฝึกยิงปืนให้กับมือใหม่ถ้าใช้ปืนจริงถึงแม้จะใช้ปืนที่ใช้กระสุน .22 ก็ตาม ก็ยังอาจมีอันตรายถึงชีวิตได้เพราะมือใหม่มักเผลอเอานิ้วเข้าโกรงไกและมักหันปากกระบอกปืนไปในทิศทางที่ไม่เหมาะสม แต่ถ้าฝึกด้วยปืนอัดลมตราบเท่าที่ยังใส่แว่นป้องกันดวงตาตลอดการฝึก สิ่งเลวร้ายที่สุดที่อาจจะเกิดขึ้นได้ก็เพียงแค่รอยแดงๆที่ผิวหนังจากการถูกกระสุนพลาสติกยิงโดนเท่านั้น

ข้อดีอีกอย่างหนึ่งของการฝึกด้วยปืนอัดลมคือมันสามารถฝึกในร่มได้ มันไม่เลอะเทอะใช้เพียงแค่ไม้กวาดกับที่โกยผงสนามฝึกก็สะอาดแล้ว นอกจากนั้นปืนลมสมัยนี้มีมิติของตัวปืนและน้ำหนักใกล้เคียงปืนจริงอย่างมากทำให้ผู้ใช้มีความรู้สึกเหมือนกำลังถือปืนจริงอยู่

เนื่องจากปืนอัดลมสามารถใช้ยิงในร่มได้ ระยะยิงหวังผลจึงสั้นกว่าการฝึกยิงปืนทั่วไป ดังนั้นหลายบริษัทจึงได้ผลิตเป้าที่มีขนาดย่อส่วนโดยเฉพาะเมื่อใช้ฝึกทางยุทธวิธี นอกจากนั้นเป้าที่ใช้ในการแข่ง IDPA / IPSC หลายแบบก็สามารถนำมาใช้กับปืนอัดลมได้ด้วย

กระสุนพลาสติกของปืนอัดลมมีหลายน้ำหนักและหลายสี บางคนแนะนำว่าให้ใช้กระสุนสีดำเพราะมันเห็นได้ลำบากในขณะที่มันลอยอยู่ในอากาศ เนื่องจากบางคนอาจติดนิสัยชอบมองแนวกระสุนสีขาวในอากาศมากกว่าศูนย์ปืน บางคนแนะนำให้ใช้กระสุนที่มีน้ำหนักมากขึ้นเข้าไว้ เพราะการยิงปืนอัดลมสำคัญที่ความแม่นยำไม่ใช่ระยะทาง (เมื่อมีลมพัดกระสุนที่หนักกว่าจะเบี่ยงเบนน้อยกว่ากระสุนที่เบากว่าจึงมีความแม่นยำมากกว่า)

เนื่องจากมิติตัวปืนและน้ำหนักปืนอัดลมปัจจุบันมีความเหมือนปืนจริงอย่างมาก ดังนั้นปืนอัดลมบางรุ่นทางบริษัทผู้ผลิตจึงทำลำกล้องปืนเป็นสีส้มเพื่อให้มีความแตกต่างจากปืนจริง แต่ปืนเหล่านี้ไม่ค่อยได้รับความนิยม ซองกระสุนของปืนอัดลมไม่ควรให้ตกพื้นเพราะจะเสียหายได้ง่ายเนื่องจากความแข็งแรงของวัสดุที่ทำมีน้อยกว่าซองกระสุนปืนจริง

Taran Butler นักยิงปืนมืออาชีพมีประสบการณ์ในการช่วยฝึกเจ้าหน้าที่ตำรวจและสอนดาราฮอลลีวูด เขามีสนามฝึกยิงปืนขนาด 20 เอเคอร์ (1 เอเคอร์ ประมาณ 4,047 ตารางเมตร) เพื่อใช้ในการยิง Paintball พบว่ามีแต่เด็กเป็นส่วนใหญ่ที่เข้ามาเล่น Paintball และเมื่อดาราฮอลลีวูดที่ต้องการฝึกยิงปืนเพื่อใช้ในการแสดงหนังเดินดูสนามก็มักจะเลอะเทอะด้วยสีที่กระจายไปทั่วสนาม

เขาจึงเปลี่ยนเป็นสนามยิงปืนอัดลมแทน โดยจัดเป็นหลายส่วนทั้งการฝึกยิงในอาคาร ถนน ซอย ท่อน้ำทิ้งขนาดใหญ่ (เป็นท่อน้ำขนาดใหญ่ที่มักฝั่งอยู่ใต้ดินเพื่อระบายน้ำทิ้งของเมืองหรือชุมชน) และสภาพแวดล้อมในเมืองอย่างอื่นอีกมาก หน่วยสวาทท้องถิ่นและเจ้าหน้าที่ของรัฐอีกมากรวมทั้งหน่วยรบจาก Fort Benning รัฐ Georgia ก็ยังมาฝึกที่นี่ จะเห็นได้ว่ามีผู้คนอีกมากที่เห็นประโยชน์ของการฝึกกับปืนอัดลม

ปัจจุบันระบบช่วยฝึกที่ก้าวหน้าที่สุดมีใช้ในอเมริกาและแคนนาดา โดยอาศัยระบบคอมพ์พิวเตอร์ที่ทันสมัยเข้ามาดูแล ผู้รับการฝึกทุกคนมีเครื่องติดตามตัวบอกตำแหน่ง อาวุธที่ใช้ก็มีเครื่องมือที่บอกกับผู้คุมการฝึกว่าผู้รับการฝึกได้เล็งปืนไปที่ใครและถ้าเหนี่ยวไกปืนยิงถูกใครคนนั้นก็จะรู้ว่าตัวเองถูกยิงและปืนของเขาก็จะไม่สามารถใช้ยิงต่อไปได้และต้องนอนลงกับพื้นให้เสียงเตือนว่าเสียชีวิตแล้วดับลง ผู้คุมการฝึกจะมีสองชุดๆแรกอยู่ที่สนามฝึกอีกชุดอยู่ห่างไกลออกไปอาศัยจอมอนิเตอร์ติดตามการฝึก หลังเสร็จสิ้นการฝึกก็จะนำผู้รับการฝึกทุกคนมาฟังผลการวิเคราะห์จากครูฝึกทั้งสองชุด น่าเสียดายที่ระบบการฝึกที่ก้าวหน้าเช่นนี้มีใช้อยู่เฉพาะในกองทัพเท่านั้น

การนำปืนอัดลมมาช่วยในการฝึกจึงเป็นอีกแนวทางหนึ่งที่สามารถช่วยพัฒนาทักษะการใช้อาวุธปืนได้โดยเฉพาะในเชิงยุทธวิธี มีความปลอดภัยสูง(ใส่แว่นป้องกันดวงตาตลอดเวลาที่ทำการฝึก)

TAS สอนทักษะการใช้อาวุธปืนในระบบต่อสู้ ซึ่งผู้รับการฝึกสามารถนำไปใช้ประกอบการฝึกด้วยปืนอัดลมเพื่อให้เกิดความชำนาญในเชิงยุทธวิธีได้ ในสถานการณ์จริงการใช้อาวุธปืนควรเป็นทางเลือก "สุดท้าย" เมื่อมีภัยคุกคามต่อชีวิตและทรัพย์สิน

สุดท้ายนี้ทุกครั้งที่จับปืนขอให้มี “สติ”

เรียบเรียงโดย Batman
อ้างอิงเนื้อหาบางส่วนจากบทความเรื่อง Faking It ของ James Tarr

1 comment:

Jarhead said...

บทความใหม่นี้ถูกใจจริงๆครับ ขอบคุณมากครับ


Newcastle limousines