Sunday, January 24, 2010

Gun Transition


Gun Transition



หลายคนคงเคยได้ยินสำนวนฝรั่งที่ว่า "One is none, two is one" หมายถึง สิ่งที่มีความสำคัญมากๆควรมีอย่างน้อยสองอัน การมีเพียงหนึ่งเดียวหากมันเสียหรือใช้งานไม่ได้เราก็จะไม่เหลืออะไร ยกตัวอย่างเช่น ปืนสำหรับตำรวจหรือทหารเมื่อเวลาทำงานจะต้องมี ปืนสำรอง (Backup gun หรือ BUG) ไว้เสมอเพราะชีวิตของพวกเขาต้องฝากไว้กับสิ่งนี้ หากในยามจำเป็นปืนที่ใช้งานอยู่ประจำเกิดติดขัดไม่สามารถใช้งานต่อไปได้และไม่มีปืนสำรองคงเป็นสถานการณ์ที่ไม่มีใครอยากเผชิญเป็นแน่ ดังนั้นการมีปืนสำรองจึงสำคัญไม่แพ้ปืนหลักที่ใช้งานประจำ นอกจากนี้ยังมีอีกหลายสิ่งที่จำเป็นต้องมีสำรองไว้ตามแต่ภาระหน้าที่ของแต่ละคน เช่น ไฟฉาย กระสุน มีด เป็นต้น



สำหรับผู้ที่ทำงานเกี่ยวเนื่องกับอาวุธปืนนั้นจึงจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องมีปืนสำรอง โดยปืนสำรองนั้นมักเป็นปืนขนาดเล็กแบบพกซ่อน (Concealed carry) และพกไว้ในตำแหน่งที่มิดชิด ปืนสำรองอาจเป็นปืนที่ใช้กระสุนแบบเดียวกับปืนหลัก เพราะในกรณีที่ปืนหลักเกิดเหตุติดขัดแต่ยังมีกระสุนเหลืออยู่ก็ยังสามารถนำกระสุนเหล่านั้นมาใช้ต่อได้กับปืนสำรอง


หากเป็นปืนที่ใช้กระสุนคนละแบบกับปืนหลัก ปืนสำรองนั้นมักเป็นปืนลูกโม่เนื่องจากมีความน่าเชื่อถือของระบบการทำงาน ใช้งานง่าย หากบรรจุกระสุนไว้เต็มแล้วก็สามารถหยิบขึ้นมายิงได้ทันที อีกทั้งหากปากกระบอกปืนจี้ติดกับเป้าหมายก็ยังสามารถทำการยิงได้ แต่ถ้าเป็นปืนกึ่งอัตโนมัติหากปากกระบอกปืนเกิดจี้ติดเป้าหมายมากเกินไป อาจทำให้ลางสไลด์เลื่อนถอยหลังไปเล็กน้อยทำให้การทำงานของปืนติดขัดได้ บางคนจึงไม่นิยมใช้ปืนกึ่งอัตโนมัติเป็นปืนสำรองด้วยเหตุผลนี้



นอกจากนั้นหากใช้ปืนหลักและปืนสำรองต่างแบบกัน อาจเกิดความสับสนในการใช้งานด้วย แต่สำหรับนาย Clint Smith แล้ว เขาไม่มีปัญหาดังกล่าวแม้แต่น้อย เขาใช้ปืนกึ่งอัตโนมัติขนาด .45 นิ้วเป็นปืนหลักและมีปืนลูกโม่โครงเล็กขนาด .38 นิ้วเป็นปืนสำรองเก็บไว้ในซองปืนที่ข้อเท้า (Ankle holster) เขาจะพกกระสุนสำรองทั้งสองแบบไว้ในกระเป๋ากางเกงทั้งสองข้างเผื่อใช้ในกรณีฉุกเฉิน



เนื่องจากเขาเป็นครูฝึกสอนยิงปืน ทุกครั้งที่ไปยิงที่สนามเขาจะฝึกยิงทั้งปืนหลักและปืนสำรองอย่างสม่ำเสมอ เขาฝึกการบรรจุกระสุนได้ทั้งมือซ้ายและขวา นาย Clint Smith ไม่มีปัญหาในการใช้อาวุธปืนต่างประเภทกัน เขาบอกว่าตำรวจส่วนใหญ่เดินทางไปสนามยิงปืนแล้วก็สักแต่ยิง การยิงปืนได้เป็นเพียงสิ่งบ่งบอกคุณภาพ (Qualification) ของตำรวจ แต่คุณภาพมันแตกต่างจากการฝึกฝน (Training) ซึ่งสิ่งนี้เป็นอีกด้านหนึ่งที่ต้องทำให้เกิดขึ้นเนื่องจากต้องการทักษะ ดังนั้นการเข้าใจความแตกต่างระหว่างทั้งสองคำนี้จึงสำคัญกว่าการรู้ว่าเขากำลังพกปืนกึ่งอัตโนมัติหรือปืนลูกโม่อยู่กันแน่ ปืนทั้งสองแบบเป็นอาวุธที่อันตรายได้เมื่ออยู่ในมือของผู้ที่ฝึกมาอย่างดี


สำหรับประชาชนทั่วไปควรสำรวจว่าในการใช้ชีวิตประจำวันและการทำงานนั้น เราควรมีสิ่งใดบ้างที่ต้องมีสำรองติดตัวหรือใกล้ตัวเผื่อใช้ในยามจำเป็น


TAS มักแนะนำให้ผู้รับการฝึกมือใหม่เสมอๆว่าควรฝึกยิงปืนทั้งปืนลูกโม่และปืนกึ่งอัตโนมัติ ไม่ว่ามีปืนชนิดใดในมือก็ต้องใช้เป็น


สุดท้ายนี้ทุกครั้งที่จับปืนขอให้มี “สติ”


เรียบเรียงโดย Batman

อ้างอิงเนื้อหาบางส่วนจากบทความเรื่อง Back and Forth ของ Clint Smith

No comments:


Newcastle limousines