Friday, February 19, 2010

1 st Year Anniversary

1 st Year Anniversary



ครบรอบ 1 ปีของการให้ความรู้แก่ประชาชนในการใช้อาวุธปืนเพื่อปกป้องชีวิตและทรัพย์สิน หวังว่าจะเป็นประโยชน์แก่ผู้ที่มีและใช้อาวุธปืนโดยสุจริตทุกท่าน


หลายคนอาจคิดว่า “ปืน” เป็นอาวุธซึ่งมักใช้ในการก่ออาชญากรรมร้ายแรง จึงมีความคิดต่อต้านการมีและใช้อาวุธปืนในภาคประชาชน อยากให้ข้อมูลอย่างหนึ่งที่สำคัญ


ปืนเป็นเพียงอุปกรณ์อย่างหนึ่งซึ่งคนนำมาใช้งาน โดยตัวปืนของมันเองไม่สามารถทำร้ายใครได้หากไม่มีใครไปหยิบมันแล้วเอานิ้วเหนี่ยวไกปืน ดังนั้นปืนจึงเป็นเพียงเครื่องมือในการแสดงเจตนาของผู้ที่ถือมันเท่านั้น ถ้าคนที่จับปืนและใช้มันด้วย “สติ” ด้วย “เหตุและผลที่เหมาะสม” มันก็จะเป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์และมีประสิทธิภาพอย่างมาก แต่หากใช้มันด้วย “อารมณ์” หรือเพียงเพื่อ “ตอบสนองความต้องการที่ผิดๆ ใช้มันไปในทางที่ไม่เหมาะสม” ก็อาจเป็นภัยมหันต์ได้เช่นกัน


การที่ประชาชนมีอาวุธปืนไว้ในครอบครองมากอาจไม่ได้หมายความว่าจะต้องมีความรุนแรงหรืออาชญากรรมที่เกี่ยวกับอาวุธปืนมากตามไปด้วย ยกตัวอย่างเช่น ในอเมริกานั้นการมีอาวุธปืนถือเป็นสิทธิขั้นพื้นฐานของประชาชน (สิทธิในการปกป้องชีวิตและทรัพย์สินของตนเอง) ซึ่งธุรกิจเกี่ยวกับอาวุธปืนเป็นธุรกิจใหญ่คอยค้ำจุนนักการเมืองสหรัฐมาตลอด อาจเรียกได้ว่าประเทศสหรัฐอเมริกานั้นใช้อาวุธปืนในการสร้างชาติมาตั้งแต่ในอดีตแล้ว รัฐเท็กซัสของอเมริกานอกจากประชาชนจะสามารถมีอาวุธปืนได้ง่ายดายแล้ว เขายังสามารถพกพาได้ด้วย (มีกฎระเบียบน้อย) แต่กลับเป็นรัฐซึ่งมีอัตราการก่ออาชญากรรมที่ใช้อาวุธปืนอยู่ในระดับต่ำมากๆของประเทศ


หากเราคิดว่าถ้าอาชญากรรมส่วนใหญ่ใช้อาวุธอะไรก็ให้ประชาชนห้ามมีอาวุธนั้นเสียก็หมดเรื่อง ในการก่ออาชญากรรมนั้นคนร้ายจะเลือกสิ่งที่ตอบสนองความต้องการของเขาได้ เช่น ถ้าไม่ใช้ปืน ก็ไปใช้มีด ไม่ใช้มีดก็ไปใช้ไม้ ไปใช้เชือก ฯลฯ ถ้าเราไล่ตามห้ามประชาชนมี ปืน มีด เชือก ไม้ ไว้ในครอบครองไปเรื่อยๆอย่างขาดสติ ก็ไม่ใช่การแก้ปัญหาอยู่ดีเพราะคนร้ายจะหาสิ่งอื่นมาทดแทนจนได้


นอกจากนั้นคนร้ายซึ่งตั้งใจจะทำผิดกฎหมายอยู่แล้ว คนกลุ่มนี้จึงไม่สนว่ากฎหมายจะห้ามอะไรบ้าง กฎหมายมีผลกับสุจริตชนเท่านั้น ดังนั้นการห้ามประชาชนมีอาวุธปืนหรือมีได้อย่างยากเย็นนั้นจึงเป็นการบังคับกับสุจริตชนไม่ใช่กับคนร้าย เป็นการตัดรอนความสามารถในการป้องกันตัวของสุจริตชนลง แต่ไม่มีผลกับคนร้ายแม้แต่น้อย (คนร้ายมักใช้ปืนเถื่อนมากกว่าปืนที่ถูกกฎหมายในการก่อคดีเพื่อให้ตามสืบไม่ได้)


ดังนั้นการลดความรุนแรงจากการใช้อาวุธปืนนั้น ควรอยู่ที่มาตรการภาครัฐในการลดหรือกำจัดปืนเถื่อนออกไปจากสังคม ปลูกฝั่งจิตสำนึกที่ดีให้กับประชาชน การขอมีอาวุธปืนนั้นควรบังคับให้ประชาชนต้องผ่านการฝึกอบรมการใช้อาวุธปืนด้วย เพื่อเรียนรู้การใช้อาวุธปืนอย่างถูกต้องปลอดภัย ไม่ใช่เพียงแค่เป็นสมาชิกสนามยิงปืนเท่านั้น


ทุกสิ่งทุกอย่างนั้นมีสองด้านเสมอ ทั้งด้านดีและไม่ดีขอเพียงเราสามารถควบคุมให้ด้านดีมีมากกว่าด้านไม่ดีหรือควบคุมด้านไม่ดีให้อยู่ในขอบเขตจำกัดที่ยอมรับได้ก็น่าจะพอใจแล้ว การชั่งน้ำหนักระหว่างข้อดี-ข้อเสียของการมีและใช้อาวุธปืนในภาคประชาชนนั้นเป็นที่ถกเถียงกันมายาวนานทั่วโลก ภาครัฐควรมองอาวุธปืนในสถานการณ์ความเป็นจริงด้วยข้อมูลที่ถูกต้อง ไม่ใช่คิดขึ้นมาเองแล้วไปออกกฎระเบียบซึ่งไปริบรอนสิทธิของสุจริตชนในการมีและใช้อาวุธปืนเพื่อปกป้องตนเองและสมาชิกในครอบครัว


นอกจากนั้นควรมีการปรับปรุงกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับอาวุธปืนให้ทันสมัยมีเหตุมีผลเหมาะสม เปิดใจเรียนรู้ว่าทำไมสังคมอื่นซึ่งประชาชนมีปืนได้อย่างเสรีกลับมีอาชญากรรมที่เกี่ยวข้องกับอาวุธปืนน้อย หาข้อดีของเขาแล้วนำมาปรับใช้ หาเหตุผลว่าทำไมสังคมซึ่งห้ามประชาชนมีอาวุธปืนไว้ในครอบครองก็ไม่ได้มีความรุนแรงลดน้อยลงแม้แต่น้อย ให้โอกาสภาคเอกชนได้มีส่วนพัฒนาสนามยิงปืนให้มีคุณภาพทัดเทียมนานาชาติ (ปัจจุบันสนามยิงปืนยังต้องผูกติดกับภาครัฐ ทำให้ขาดความคล้องตัวและการพัฒนา)


สำหรับภาคประชาชนผู้ที่มีอาวุธปืน ก็มีหน้าที่สำคัญจะต้องเรียนรู้การใช้อาวุธปืนของตนเองอย่างถูกต้องปลอดภัยภายใต้ขอบเขตของกฎหมาย การเข้ารับการฝึกอบรมยิงปืนจึงถือเป็นส่วนสำคัญอย่างยิ่งสำหรับผู้ที่มีอาวุธปืน และควรฝึกฝนการยิงปืนเป็นระยะๆเพื่อให้ทักษะการยิงปืนยังคงอยู่ในเกณฑ์ที่ยอมรับได้ตลอดเวลา


โดยส่วนตัวแล้วแม้แต่คนซึ่งไม่คิดจะมีอาวุธปืนก็ควรเรียนรู้การใช้อาวุธปืนไว้บ้าง หากตนเองตกอยู่ในอันตรายแล้วมีปืนอยู่ในมือ (ปืนของคนอื่น) เราก็ควรใช้อาวุธปืนนั้นได้อย่างถูกต้องเหมาะสมเพื่อปกป้องตนเองและคนในครอบครัว


ผมและทาง TAS มักพูดให้ผู้รับการฝึกอบรมยิงปืนฟังเสมอว่า การใช้อาวุธปืนขอให้เป็นทางเลือกสุดท้ายในการแก้ไขปัญหาความรุนแรงในสังคมเพราะมันมีผลตามมาอีกมาก ทุกครั้งที่จับปืนเพื่อที่จะนำมาใช้ขอให้หยุดคิดถึงเหตุผลที่จะใช้อาวุธปืนก่อนว่าเหตุผลนั้นเหมาะสมหรือไม่ มีวิธีอื่นที่สามารถแก้ไขได้ด้วยการไม่ใช้อาวุธปืนหรือไม่ ถ้ามีก็ให้เลือกวิธีนั้นก่อน เมื่อใช้อาวุธปืนไปแล้วจะมีบุคคลอื่นมาตัดสินการกระทำของเราว่าเหมาะสมหรือไม่ ซึ่งเขาอาจไม่เห็นด้วยกับเราก็ได้ และเราต้องรับผิดชอบต่อการกระทำทุกอย่างซึ่งอาจส่งผลต่อทั้งตัวเราเองและครอบครัวไปอีกนาน แต่หากมีเหตุจำเป็นต้องใช้จริงๆก็ต้องใช้ด้วยชั้นเชิงที่เหนือกว่าใครๆ เพื่อเพิ่มโอกาสรอดให้กับตัวเอง


สุดท้ายนี้หวังเป็นอย่างยิ่งว่าผู้อ่านทุกท่านจะใช้อาวุธปืนด้วย "สติ" เพื่อปกป้องชีวิตและทรัพย์สินภายใต้ขอบเขตของกฎหมาย


เรียบเรียงโดย Batman

1 comment:

Jarhead said...

แสดงความยินดีในวาระครบรอบ 1 ปี
และขอบพระคุณกับการมอบความรู้ที่ถูกต้องเกี่ยวกับอาวุธปืนต่อประชาชนทั่วไปครับ อาจารย์
จากนี้ขอให้เติบโตก้าวหน้าไปอย่างไม่ช้าไม่เร็วแต่แข็งแรงมั่นคงเรื่อยไปครับ ขอพระคุ้มครองอาจารยืและทีมงานครับ


Newcastle limousines