Friday, August 19, 2011

A Snubnose Revolver


A Snubnose Revolver

โดยปกติแล้วปืน Snubnose Revolver มักหมายถึง ปืนลูกโม่ลำกล้องสั้น โดยเฉพาะลำกล้องประมาณ 2.5 นิ้วหรือสั้นกว่า แต่บางคนอาจหมายรวมไปถึงลำกล้องยาว 3 นิ้วด้วย โดยส่วนตัวของนาย Ralph Mroz แล้วปืนแบบนี้ยังต้องมีโครงปืนที่เล็กด้วย ดังนั้นปืน S&W N-frame .44 Magnum ลำกล้อง 2 นิ้ว สำหรับเขาแล้วไม่ถือว่าเป็นปืน Snubnose Revolver

ปืนที่จัดอยู่ในกลุ่มนี้ อาทิเช่น ปืน Colt D-frame (Detective Special type), S&W J-frame หรือ S&W K-frame ที่มีลำกล้อง 2 หรือ 2.5 นิ้ว ซึ่งเป็นปืนที่เหมาะแก่การป้องกันตัว (Self-defense) อย่างยิ่ง

ปืน S&W J-frame เป็นรุ่นที่นิยมมากที่สุดสำหรับใช้ในการป้องกันตัว เพราะปืนมีการทำอย่างปราณีตและเหมาะมือมาก ในขณะที่ปืน S&W K-frame ถือว่าเป็นหนึ่งในปืนที่มีเหมาะมือในการยิงมากที่สุด ส่วนปืน Colt D-frame ไม่ค่อยเป็นที่รู้จักและแพร่หลายนัก

ลักษณะเด่นอย่างหนึ่งของปืนลูกโม่ที่เหนือกว่าปืนสั้นกึ่งอัตโนมัตก็คือ ขนาดและองศาของด้ามปืนมีให้เลือกหลากหลาย เพื่อให้เหมาะสมกับมือของเจ้าของปืนซึ่งหามาเปลี่ยนได้ไม่ยาก หลายคนรู้สึกชอบพื้นที่ว่างระหว่างด้านหน้าด้ามปืนกับด้านหลังโกร่งไกปืนและทำให้คุมปืนได้ง่ายขึ้น

แม้ปัจจุบันจะเป็นยุคของปืนสั้นกึ่งอัตโนมัติแต่ก็มีซองปืนลูกโม่ให้เลือกใช้หลายร้อยแบบ ส่วนเรื่องความแม่นยำนั้นได้มีการทดสอบยืนยันถึงความแม่นยำของปืนลูกโม่ลำกล้องยาวมาตรฐานโดยการยึดปืนไว้กับ Ransom Rest ส่วนปืนลำกล้องสั้นนั้นเมื่อใช้คนถือปืน ระยะห่างของศูนย์ปืนสั้นลงและแรงถีบของปืนที่มากขึ้นก็คงให้ความแม่นยำที่ลดลงเป็นลำดับไป อย่างไรก็ตามนักยิงปืนทั่วไปก็สามารถใช้ปืนนี้ยิงได้ดีเป็นส่วนใหญ่

เมื่อยิงในแบบ Double action เราสามารถทำกลุ่มกระสุนได้ประมาณ ¼ นิ้ว ในระยะห่าง 5 หลา สามารถยิงแผ่นกระเบื้องขนาด 4 นิ้ว ได้ที่ระยะ 10 หลา และยิงแผ่นเหล็กขนาด 10 นิ้ว ที่ระยะ 25 หลา ได้อย่างง่ายดาย

สำหรับปืนโครง K หรือ K-frame เป็นปืนที่ถือยิงได้ง่ายที่สุดและสามารถพกซ่อนที่เอวได้ดี ส่วนปืน J-frame ที่ทำจาก Scandium เป็นปืนที่เบาและสะดวกที่สุดในการพกซ่อนไว้ในกระเป๋ากางเกงหรือที่ข้อเท้า แต่เวลายิงจะสะท้านมืออย่างมาก ปืน D-frame Colt นั้นจะอยู่ระหว่างความรู้สึกว่าปืนใหญ่พอที่จะเหมือนปืนขนาดปกติแต่ก็เบาพอที่จะพกซ่อนในกระเป๋ากางเกง

ส่วนปืนที่ดีที่สุดนั้นเป็นเรื่องเฉพาะตัวอย่างมาก คุณต้องทดลองจับปืนและยิงจึงจะได้ปืนที่ “เหมาะสม” กับตัวคุณเอง

มีสองแนวคิดหลักๆเกี่ยวกับกระสุนปืนที่จะใช้ อย่างแรก คุณควรบรรจุกระสุนขนาด .357 นิ้ว (ถ้าปืนนั้นรองรับกระสุนขนาดนี้) เพราะมันสามารถให้ผลการยิงที่เชื่อถือได้เมื่อยิงถูกเป้าหมาย แต่กระสุนขนาดนี้จะมีแรงถีบอย่างมากเมื่อยิงด้วยปืนลำกล้องสั้น

อีกแนวคิดหนึ่ง คือ ใช้กระสุนที่มีแรงดันมาตรฐาน (Standard-pressure loads) ซึ่งคุณสามารถควบคุมปืนได้ดีเวลายิง แน่นอนว่าอำนาจหยุดยั้งย่อมน้อยกว่ากระสุน .357 นิ้ว แต่ก็ทำให้คุมปืนได้ง่ายขึ้นมากในขณะที่อำนาจหยุดยั้งไม่ได้ด้อยลงไปมากนัก ส่วนกระสุน +P ถือว่าอยู่กลางๆระหว่าง .357 นิ้วและกระสุนแรงดันมาตรฐาน โดยส่วนตัวแล้วนาย Ralph Mroz จะใช้กระสุนแรงดันมาตรฐาน

แล้วกระสุนแบบไหนจึงจะ “ดีที่สุด” สำหรับปืนลำกล้องสั้นแบบนี้ เป็นคำถามซึ่งหลายคนอยากได้คำตอบ มีข้อมูลน้อยมากเกี่ยวกับกระสุนขนาดตั้งแต่ .38 หรือ .357 นิ้ว ขึ้นไปในปืนลำกล้องสั้น โดยส่วนตัวแล้วเขาเชื่อว่าไม่ว่าจะใช้กระสุนขนาดเท่าไร เขาจะยิงเป้าหมายซึ่งเป็นภัยคุกคามมากกว่าหนึ่งนัดเสมอ ประสิทธิภาพของกระสุนเขาจะดูจากข้อมูลที่ได้ยินได้อ่านมา หรือมีผลการทดสอบกับแท่งเจลาตินเข้ามาประกอบการพิจรณา มากกว่าที่จะพยายามหากระสุนที่ดีที่สุด เขาแค่รู้สึกว่ากระสุนที่ใช้อยู่นั้นมีข้อมูลอยู่ในเกณฑ์ที่ใช้ได้ก็พอแล้ว

ยกตัวอย่างเช่น กระสุนขนาด 158 เกรน Lead Semi-wadcutter +P hallowpoint นิยมใช้ในปืนลูกโม่ขนาด .38 หรือ .357 นิ้ว มาอย่างยาวนานไม่ว่าจะเป็นปืนลำกล้องมาตรฐานหรือลำกล้องสั้นก็ตาม จนกระทั้งอดีตนายตำรวจชื่อดัง Jim Cirillo (เป็นผู้มีประสบการณ์การยิงปืนต่อสู้กับคนร้ายมาอย่างโชกโชน) ยกให้กระสุนแบบ Standard wadcutter เป็นกระสุนที่ดีที่สุดสำหรับปืนลำกล้องสั้น

ไม่ว่าจะใช้กระสุนแบบใดทักษะการยิงปืนสำคัญที่สุด เราต้องยิงให้ถูกสิ่งที่เราต้องยิง ไม่เช่นนั้นต่อให้เรามีกระสุนที่ดีที่สุด หากยิงไม่ถูกเป้าหมายก็ไม่มีประโยชน์

สุดท้ายนี้ทุกครั้งที่จับปืนขอให้มี “สติ”

                                                                                                เรียบเรียงโดย Batman
                                                                        อ้างอิงเนื้อหาบางส่วนจากบทความเรื่อง The Perennial Snubbie ของ Ralph Mroz

No comments:


Newcastle limousines